การส่งออกของไทยไปจีนในเดือนเม.ย.2555 ขยายตัวสูงที่สุดในรอบ 6 เดือน ที่อัตราร้อยละ 16.5(YoY) มีมูลค่าการส่งออก 2,185.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากที่ขยายตัวเพียงร้อยละ 1.4(YoY) ในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา แต่อาจเป็นเพียงภาพลวงตาเนื่องจากการขยายตัวดังกล่าวได้อานิสงส์จากฐานเปรียบเทียบในปีก่อนหน้าที่อยู่ในระดับต่ำ ตามผลพวงจากเหตุสึนามิในญี่ปุ่นทำให้ภาคการผลิตและการส่งออกของไทยในเดือนเม.ย.ปี 2554 สะดุดลง แต่การแผ่วตัวลงของเศรษฐกิจจีนในระยะข้างหน้าย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อการส่งออกของไทยไปจีนเติบโตช้าลง ขณะที่การนำเข้าในเดือนเม.ย.ของไทยจากจีนมีมูลค่า 2,899 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 20.6(YoY) เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 13.9(YoY) เป็นเครื่องชี้เศรษฐกิจและการบริโภคของไทยเติบโต ทำให้ในเดือนเม.ย.ไทยเสียเปรียบดุลการค้ากับจีนเป็นมูลค่า 713.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ทั้งนี้ ด้วยทิศทางเศรษฐกิจจีนส่งสัญญาณชะลอตัวชัดเจนขึ้นในไตรมาส 2 โดยในเดือนเม.ย.2555 การเติบโตของยอดค้าปลีกยังคงชะลอตัวลงต่อเนื่อง ภาคการค้าระหว่างประเทศซึ่งเป็นอีกหนึ่งเครื่องชี้วัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนก็ชะลอตัวอย่างชัดเจนในเดือนเม.ย.โดยการส่งออกขยายตัวเพียงร้อยละ 4.8(YoY) และการนำเข้าก็เติบโตเพียงร้อยละ 0.4(YoY) จากที่เคยขยายตัวร้อยละ 8.8(YoY) และร้อยละ 5.4(YoY) ในเดือนมี.ค.2555 ตามลำดับ ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับผลผลิตอุตสาหกรรมและการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรที่ล้วนขยายตัวชะลอลงจากเดือนก่อน รวมไปถึงการบริโภคของประชาชนยังไม่แข็งแกร่งนัก การลงทุนโดยตรงของต่างชาติ (FDI)ในจีนก็ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกันท่ามกลางความเสี่ยงจากภายนอกประเทศ จากเครื่องชี้เศรษฐกิจที่ล้วนบ่งบอกทิศทางชะลอตัว ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า เศรษฐกิจจีนในไตรมาส 2/2555 อาจขยายตัวต่ำกว่าร้อยละ 8(YoY) ชะลอตัวต่อเนื่องจากไตรมาสแรกที่เติบโตในอัตราต่ำที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี ที่ร้อยละ 8.1(YoY) จึงยังต้องอาศัยมาตรการช่วยเหลือจากรัฐบาลเพื่อประคับประคองให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งขึ้นในระยะต่อไป
อย่างไรก็ดี ตลาดจีนก็น่าจะยังเป็นตลาดที่มีศักยภาพเติบโตสูงกว่าตลาดอื่นๆที่อ่อนไหวต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า การส่งออกไทยไปจีนในปี 2555 นี้น่าจะยังรักษาระดับเติบโตในแดนบวกได้ในระดับร้อยละ10-15 โดยที่จีนจะยังคงเป็นตลาดส่งออกหลักอันดับ 1 ของไทยต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 แต่ในระยะข้างหน้ายังคงจำเป็นต้องจับตามองกันต่อไปว่า นโยบายที่รัฐบาลจีนประกาศเพื่อกระตุ้นภาคเศรษฐกิจนั้นจะมีผลช่วยให้เศรษฐกิจในภาพรวมดีขึ้นมากน้อยเพียงใด หากยังคงดำเนินไปในทางอ่อนแรงในท้ายที่สุดอาจกระทบต่อภาพรวมการส่งออกของไทยที่พึ่งพาการส่งออกไปจีนเป็นเครื่องพยุงภาพรวมการค้าของไทยในภาวะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯค่อนข้างอ่อนแรงและสหภาพยุโรปที่ถดถอยหนักมากขึ้น
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น