ปัจจุบันตลาดปูนซีเมนต์ในประเทศขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งได้รับแรงหนุนจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ที่ก่อตัวตั้งแต่ปลายปีก่อน บวกกับความจำเป็นที่ต้องใช้ปูนซีเมนต์เพื่อซ่อมแซมระบบสาธารณูปโภค โครงสร้างพื้นฐาน โรงงานและอาคารบ้านเรือน ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกจากโครงการก่อสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่หลายโครงการทั้งของภาครัฐและเอกชน ทั้งนี้การบริโภคปูนซีเมนต์ส่วนใหญ่ใช้จากการผลิตภายในไทย แต่การก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่บางแห่งจำเป็นต้องใช้ซีเมนต์ชนิดอื่นที่ไม่สามารถผลิตได้ในประเทศ
ช่วง 5 เดือนแรกปี 2555 มีปริมาณบริโภคปูนซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด) มากถึง 12,663 พันเมตริกตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.3 จากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนที่มี 12,137 พันเมตริกตัน สำหรับการนำเข้าปูนซีเมนต์จากต่างประเทศ ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นตามความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ภายในประเทศ โดยที่ช่วง 5 เดือนแรกปี 2555 นำเข้าปูนซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด) 98.6 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนถึงร้อยละ 28.7 ทั้งนี้ชนิดซีเมนต์นำเข้าที่มากที่สุดเป็นอะลูมินัสซีเมนต์ เพราะไม่สามารถผลิตได้ในประเทศ อย่างไรก็ตามแนวโน้มการบริโภคปูนซีเมนต์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2555 ยังคงได้รับแรงผลักดันในทิศทางบวกจากการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงคาดว่า ปริมาณการใช้ปูนซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด) ในประเทศจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 – 6.5 จากปีก่อน หรือคิดเป็นมูลค่าการใช้ปูนซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด) ตลอดทั้งปี 2555 เท่ากับ 29,340 – 29,900 พันเมตริกตัน สำหรับราคาปูนซีเมนต์มีแนวโน้มขยายตัวเช่นกัน ซึ่งจะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 3 จากราคาเฉลี่ยในปัจจุบัน (ราคาขายปลีกเฉลี่ยปูนซีเมนต์ผสม (ขนาดบรรจุ 50 ก.ก.) ช่วง ม.ค.-พ.ค. ปี 2555 อยู่ที่ 125.7 บาท/ถุง)
นอกจากนี้ทางด้านการส่งออกปูนซีเมนต์ไทยก็ยังคงเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากการขยายตัวของการส่งออกปูนซีเมนต์ไปยังตลาดอาเซียน ผ่านการเติบโตทางด้านการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน โรงงาน และที่พักอาศัยของประเทศในกลุ่มอาเซียนมากขึ้น ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ครึ่งปีหลัง 2555 การส่งออกปูนซีเมนต์ยังคงขยายตัว โดยจะพุ่งไปที่ตลาดอาเซียนเป็นหลัก โดยที่ตลอดทั้งปี 2555 มูลค่าส่งออกปูนซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด) จะปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.5-11.1 หรือคิดเป็นมูลค่า 10,073 – 10,510 ล้านบาท
อย่างไรก็ดีธุรกิจปูนซีเมนต์ยังคงต้องติดตามปัจจัยภายนอกต่างๆ ที่อาจมีผลกระทบต่อยอดจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ คือ วิกฤติการเงินยูโร โซนและภาวะเศรษฐกิจตกต่ำของสหรัฐอเมริกา ความผันผวนของราคาพลังงานเชื้อเพลิง ซึ่งปัจจุบันกำลังเผชิญกับความตึงเครียดในกลุ่มตะวันออกกลาง ปริมาณของทรัพยากรหินปูนที่มีอยู่อย่างจำกัดในประเทศไทยอาจจะไม่เพียงพอสำหรับการผลิตในอนาคต และรูปแบบการผลิต ที่กำลังจะเปลี่ยนไปเน้นสร้างรายได้จากการลงทุนในต่างประเทศ มากกว่าผลิตในประเทศเพื่อจำหน่ายภายในและส่งออกไปยังต่างประเทศอย่างในปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้กลายเป็นบริษัทภูมิภาคอย่างแท้จริง
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น