ตลาดน้ำอัดลมของไทย ที่แต่เดิมมีผู้ประกอบการน้อยรายและมีการแข่งขันสูง กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากมีผู้ประกอบการรายใหม่ๆ สนใจเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ภายหลังจากผู้ประกอบการรายใหม่ที่เข้าสู่ตลาดเมื่อช่วงหลายปีก่อน ประสบความสำเร็จทางด้านการเข้าสู่ตลาดพอสมควร และจากผลสำเร็จดังกล่าว คาดว่า จะเป็นพลังผลักดันให้มีผู้ประกอบการรายอื่นๆ สนใจเข้าสู่ตลาดน้ำอัดลมของไทย ที่มีมูลค่าสูงถึงประมาณ 38,500 ล้านบาทเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการที่อยู่ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มในประเทศ รวมทั้งผู้ผลิตเครื่องดื่มน้ำอัดลมในประเทศกลุ่มอาเซียน (ที่ไม่ได้ผลิตภายใต้ลิขสิทธิ์ของผู้ประกอบการน้ำอัดลมรายใหญ่ของโลก) ที่คาดว่าจะสนใจเข้ามาทำตลาดน้ำอัดลมในไทย ซึ่งเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ในอาเซียน จนอาจทำให้ตลาดน้ำอัดลมไทยเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะภายหลังจากการเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 โดยกลยุทธ์การแข่งขันทางด้านราคา อาจจะเป็นกลยุทธ์แรกที่จะถูกนำมาใช้เพื่อสร้างฐานการตลาดช่วงเริ่มต้น และในทางกลับกัน คาดว่าผู้ประกอบการในธุรกิจน้ำอัดลมของไทย จะมีโอกาสเข้าไปรุกขยายตลาดในกลุ่มอาเซียนเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน โดยไทยมีความพร้อมในการผลิตน้ำอัดลมที่ดีกว่าอีกหลายประเทศในอาเซียน โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มอินโดจีน ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบสำคัญคือ น้ำตาล รวมทั้งอุตสาหกรรมสนับสนุน อาทิ บรรจุภัณฑ์พลาสติก และกระป๋องอลูมิเนียม ซึ่งสามารถผลิตเพื่อสนองความต้องการและส่งออกไปยังประเทศในกลุ่มอาเซียนอื่นๆ
ทั้งนี้ ผลจากการรวมเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 อาจทำให้ผู้ประกอบการน้ำอัดลม จำเป็นต้องมองกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในระดับภูมิภาคมากขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตทางด้านการตลาด อันเป็นผลจากกำลังซื้อที่เพิ่มสูงขึ้นภายหลังการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน แต่ในขณะเดียวกัน ยังคงต้องจับตามองประเทศคู่แข่งที่สำคัญ เช่น เวียดนาม ซึ่งอาจก้าวเข้ามาเป็นผู้ผลิตที่มีบทบาทสำคัญในภูมิภาค
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น