หลังจากไทยต้องประสบกับปัญหาน้ำท่วมครั้งใหญ่ในช่วงปลายปี 2554 อุตสาหกรรมรถยนต์ไทยก็เป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากปัญหาดังกล่าว ทำให้ยอดขายรถยนต์ในประเทศช่วงไตรมาสที่ 4 ตกลงถึงร้อยละ 49 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2553 อย่างไรก็ตามหลังจากบริษัทรถยนต์ทั้งหลายสามารถฟื้นกำลังการผลิตกลับสู่ระดับปกติ และบางรายได้มีการขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติม เพื่อรองรับต่ออุปสงค์ในตลาดที่ล้นหลามจากโครงการรถยนต์คันแรก ทำให้สรุปตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศที่รายงานโดยหอการค้าญี่ปุ่นช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาของปี 2555 สูงถึง 859,417 คัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่ายอดขายรถยนต์รายปีของทุกปีที่ผ่านมาของไทย แม้ในช่วงที่เหลือของปีตลาดรถยนต์จะยังคงมีปัจจัยบวกสนับสนุนอยู่ เช่น ผลของนโยบายรถยนต์คันแรก การกระตุ้นตลาดของค่ายรถด้วยการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ รวมถึงการทำไมเนอร์เชนจ์ในรถยนต์รุ่นต่างๆ การเร่งกำลังการผลิตเพื่อส่งมอบรถยนต์และอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อรถยนต์ที่ยังคงรักษาระดับต่ำอยู่ เป็นต้น อย่างไรก็ตามจากเหตุการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ขณะที่ช่วงฤดูมรสุมของไทยก็ยังไม่ผ่านพ้นไปนั้น ประเด็นเรื่องปัญหาน้ำท่วมที่แม้หลายฝ่ายจะออกมายืนยันว่าจะไม่ซ้ำรอยปีที่ผ่านมาจากแผนป้องกันที่รัดกุมยิ่งขึ้น แต่ก็ยังเป็นเรื่องที่ฝ่ายที่ได้รับความเสียหายเมื่อปลายปีที่แล้ว เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ ไม่อาจจะมองข้ามไปได้
สำหรับตลาดรถยนต์ไทยปี 2555 นี้ ในกรณีที่ไม่เกิดปัญหาน้ำท่วมรุนแรงดังเช่นปีที่ผ่านมา ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าตลาดรถยนต์ในประเทศปีนี้มีโอกาสจะทำตัวเลขยอดขายแตะที่ระดับ 1.3 ล้านคัน โดยอาจจะทำได้ถึง 1.32 ถึง 1.37 ล้านคัน หรือคิดเป็นขยายตัวร้อยละ 66 ถึง 72 สูงกว่าที่เคยคาดไว้ก่อนหน้านี้ที่ 1.28 ถึง 1.35 ล้านคัน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวจะกลายมาเป็นตัวเลขยอดขายที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ของไทย อย่างไรก็ตามในกรณีเลวร้ายที่สุดหากเกิดวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ดังเช่นปี 2554 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่ายอดขายรถยนต์ในประเทศของไทยปี 2555 นี้อาจลดลงเหลือเพียงประมาณ 1.15 ล้านคัน หรือเหลือขยายตัวเพียงร้อยละ 45 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น