แนวโน้มการแข่งขันในธุรกิจเสื้อผ้าสำเร็จรูป เพิ่มดีกรีความร้อนแรงมากขึ้น การบุกเบิกช่องทางการค้าและการลงทุนในต่างประเทศ เป็นหนึ่งในกลวิธีรักษาความอยู่รอดทางธุรกิจ ทั้งนี้ “อินโดนีเซีย” เป็นหนึ่งในประเทศอาเซียนที่น่าจับตามองสำหรับธุรกิจเสื้อผ้าสำเร็จรูป ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า สำหรับผู้ประกอบการไทย การทำธุรกิจเสื้อผ้าสำเร็จรูปในตลาดอินโดนีเซียมีความน่าสนใจในหลายมิติ กล่าวคือ
ในแง่การค้า เศรษฐกิจของอินโดนีเซียที่เติบโตอย่างโดดเด่น ผลักดันให้รายได้ของประชากรเพิ่มสูงขึ้น จนนำไปสู่อำนาจในการตัดสินใจและกำลังซื้อในกลุ่มสินค้าเครื่องแต่งกาย จะเห็นได้ว่าในระยะ 4-5 ปีที่ผ่านมา ยอดนำเข้าเสื้อผ้าสำเร็จรูปของอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ในขณะที่การนำเข้าจากไทยก็เติบโตไปในทิศทางเดียวกัน
ในแง่การลงทุน มูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) ในสาขาสิ่งทอและเสื้อผ้าของอินโดนีเซียที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการก้าวเข้าสู่การเปิดเสรี AEC ในปี 2558 คงปฎิเสธไม่ได้ว่า จะยิ่งเพิ่มแรงดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้าสู่อินโดนีเซียมากขึ้น จากจุดเด่นของจำนวนแรงงานและค่าแรงที่ยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำ พอจะแข่งขันได้กับผู้ผลิตในตลาดอาเซียน
โอกาสของธุรกิจค้าปลีกเสื้อผ้าสำเร็จรูป มีปัจจัยหนุน ได้แก่ การพัฒนาเข้าสู่ความเป็นเมือง (Urbanization) และความต้องการซื้อเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของชาวอินโดนีเซียที่เติบโตต่อเนื่อง นอกจากนี้ รสนิยมที่ใกล้เคียงและกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการมีโอกาสขยาย Outlet และ Brand ของไทยไปสู่หัวเมืองสำคัญที่มีอัตราการบริโภคและรายได้ต่อหัวประชากรที่เพิ่มสูงขึ้นได้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า จากปัจจัยข้างต้นน่าจะมีส่วนผลักดันให้มูลค่าการส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปของไทยไปยังอินโดนีเซีย ในปี 2555 มีมูลค่าทั้งสิ้น 8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวถึงร้อยละ 43.0 (YOY) และในช่วงที่จะก้าวไปสู่การเปิดเสรี AEC ปี 2556-2558 การส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปของไทยไปยังอินโดนีเซียก็น่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนหนึ่งมาจากการเติบโตของเศรษฐกิจอินโดนีเซียและอีกส่วนหนึ่งก็มาจากผู้ประกอบการเสื้อผ้าสำเร็จรูปของไทยที่เข้าไปบุกเบิกทำการค้า การลงทุนในอินโดนีเซียเพิ่มมากขึ้น ทั้งในส่วนของผู้ส่งออกและผู้ประกอบการค้าปลีก/ห้างสรรพสินค้า
ทั้งนี้ แม้ว่าเสื้อผ้าสำเร็จรูปของไทยจะมีศักยภาพในตลาดอินโดนีเซีย ที่มีมูลค่าค้าปลีกเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายสูงถึง 11, 000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากจุดเด่นในเรื่องของคุณภาพสินค้า และแบรนด์ของไทยก็ค่อนข้างเป็นที่รู้จักและยอมรับของผู้บริโภค ซึ่งถือว่าเป็นใบเบิกทางที่ดีที่จะทำให้ผู้ประกอบการรายอื่นๆ สามารถเข้ามาทำตลาดได้ง่ายขึ้น แต่ภายใต้โอกาสก็ยังมีความท้าทายแฝงอยู่ ซึ่งประเด็นที่ควรให้ความสำคัญ ได้แก่ การแข่งขันในธุรกิจเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น จากกลุ่มธุรกิจต่างชาติที่พยายามจะรุกคืบเข้ามาทำตลาดและใช้อินโดนีเซียเป็นฐานการผลิต ซึ่งจุดนี้อาจจะกลายอุปสรรคต่อการทำตลาดในประเทศ และการส่งออกไปยังอินโดนีเซียในระยะข้างหน้าได้ ส่วนประเด็นที่นักลงทุนจะต้องตระหนักในการลงทุนย้ายฐานการผลิตมายังอินโดนีเซีย คือ การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบต่างๆ ภายในประเทศที่มีขึ้นอยู่บ่อยๆ และกฎหมายแรงงานที่ค่อนข้างเข้มงวด ซึ่งหากไม่ได้ติดตามอย่างใกล้ชิด อาจส่งผลให้ทำการค้าการลงทุนได้ไม่อย่างราบรื่นนัก และแม้ว่าประสิทธิภาพแรงงานอินโดนีเซียจะสามารถตัดเย็บได้ค่อนข้างดี แต่งานที่ต้องการความละเอียดสูง ยังถือเป็นจุดด้อยของแรงงานอินโดนีเซีย นอกจากนี้ การที่ผู้ผลิตจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในอินโดนีเซียเพิ่มขึ้น อาจทำให้มีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาการแย่งแรงงานและขาดแคลนแรงงานได้ในระยะข้างหน้าได้
ดังนั้น ในช่วงรอยต่อของการก้าวสู่ AEC ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า น่าจะเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ดีสำหรับผู้ประกอบการไทยที่จะรุกเข้าสู่ตลาดอินโดนีเซียให้มากขึ้น เพราะเมื่อถึงช่วงเวลาดังกล่าวแล้วนั้น พื้นที่การแข่งขันก็อาจเต็มไปด้วยความหนาแน่น ซึ่งอาจทำให้ผู้ประกอบการไทยต้องเผชิญความท้าทายในการเข้าชิงพื้นที่ในระดับที่สูงขึ้นกว่าโดยเปรียบเทียบ
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น