มูลค่าการส่งออกของไทยเดือนต.ค. 2555 ตามรายงานของกระทรวงพาณิชย์ ขยายตัวขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ที่ร้อยละ 15.57 (YoY) ซึ่งแม้จะต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาดที่คาดว่าจะขยายตัวได้ถึงร้อยละ 20.0 แต่ก็สะท้อนให้เห็นการปรับตัวดีขึ้นของการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปและสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญหลายประเภท ขณะที่ มูลค่าการนำเข้าปรับตัวดีขึ้นกว่าคาดการณ์ที่ร้อยละ 21.6 (YoY) นำโดยการนำเข้าสินค้าทุน รวมทั้งสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป ซึ่งอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการเตรียมพร้อมในการเพิ่มการผลิตเพื่อรองรับอุปสงค์ในประเทศคู่ค้าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น และช่วยหนุนให้มูลค่าการส่งออกของไทยเพิ่มระดับขึ้นอย่างมั่นคงในระยะข้างหน้า
สำหรับช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2555 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า แม้การส่งออกของไทยจะถูกกดดันจากภาวะเศรษฐกิจโลกซึ่งอยู่ท่ามกลางความเสี่ยงจากปัญหาเศรษฐกิจยูโรโซนที่คงไม่สามารถฟื้นคืนมาในระยะเวลาอันใกล้ แต่ผลของฐานเปรียบเทียบที่ต่ำจากเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อปลายปีก่อน และปัจจัยฤดูกาล ก็คงช่วยให้การส่งออกสามารถบันทึกอัตราการขยายตัวในระดับสูงกว่าร้อยละ 20 (YoY) ในไตรมาสสุดท้ายของปีได้ไม่ยากนัก ทั้งนี้ สัญญาณด้านบวกที่อาจช่วยเสริมให้มูลค่าการส่งออกของไทยเพิ่มขึ้นในช่วงท้ายปี 2555 และหนุนภาพรวมการส่งออกทั้งปี 2555 ให้ขยายตัวได้ใกล้เคียงหรือต่ำกว่าประมาณการกรณีพื้นฐานที่ร้อยละ 5.0 เล็กน้อย ได้แก่ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่เป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทย ซึ่งเริ่มปรากฎสัญญาณการฟื้นตัวชัดเจนขึ้นในไตรมาส 4/2555 การขยายตัวของการค้าในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ ที่เริ่มทยอยฟื้นตัวขึ้น และการฟื้นฟูความเสียหายจากพายุเฮอริเคนแซนดี้ในสหรัฐฯ ที่น่าจะช่วยหนุนให้สินค้าส่งออกของไทยบางประเภทไปยังสหรัฐฯ สามารถเติบโตได้ในอัตราเร่งในช่วงหลายเดือนข้างหน้า และส่งผลให้การส่งออกของไทยไปยังสหรัฐฯ สามารถบันทึกอัตราการขยายตัวในระดับร้อยละ 6.0 (YoY) ในปี 2555 และเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงครึ่งแรกของปี 2556 หากสหรัฐฯ สามารถแก้หลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาทางการคลัง (Fiscal Cliff) ซึ่งจะเป็นตัวแปรสำคัญในการพลิกฟื้นการเติบโตของเศรษฐกิจได้
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น