การส่งออกของไทยในเดือนมิ.ย.2556 หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ที่ร้อยละ 3.38 (YoY) หลังจากที่หดตัวลงร้อยละ 5.25 (YoY) ในเดือนพ.ค. สะท้อนว่าภาคการส่งออกของไทยยังคงได้รับแรงกดดันอย่างต่อเนื่องจากเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเมื่อประกอบภาพเข้ากับความอ่อนแอของการฟื้นตัวที่มีมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี ก็ทำให้ภาพรวมการส่งออกในช่วงครึ่งปีแรกขยายตัวเพียงร้อยละ 0.95 (YoY)
สำหรับแนวโน้มการส่งออกในช่วงครึ่งหลังของปี 2556นั้น คงต้องยอมรับว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ประกอบกับปัจจัยด้านความสามารถในการแข่งขันด้านราคาและข้อจำกัดด้านวัตถุดิบที่กดดันการฟื้นตัวการส่งออกต่อเนื่องมาจากช่วงครึ่งปีแรก อาจทำให้การส่งออกของไทยต้องเผชิญภาวะที่ยากลำบากมากขึ้น อย่างไรก็ดี ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ และญี่ปุ่น ทยอยฟื้นตัวได้ในช่วงปลายปี ขณะที่ ปัจจัยฐานเปรียบเทียบที่ต่ำ ก็อาจช่วยเสริมการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมหลายประเภท อาทิ เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์และส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์พลาสติก และวัสดุก่อสร้าง ให้สามารถบันทึกมูลค่าการส่งออกที่ดีขึ้นได้ ซึ่งเมื่อประกอบภาพเข้ากับการส่งออกกลุ่มเครื่องจักรและอุปกรณ์ และยานยนต์ ที่ยังน่าจะเติบโตได้ดีจากอุปสงค์ในตลาดศักยภาพอื่น ก็อาจช่วยชดเชยการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัยกดดันข้างต้น และประคองให้มูลค่าส่งออกของไทยมีโอกาสค่อยๆ ปรับเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ตัวเลขส่งออกล่าสุดที่ยังคงต่ำกว่าระดับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ อีกทั้งยังคงหดตัว แม้ฐานตัวเลขส่งออกในเดือนมิ.ย. ปีก่อนจะเป็นระดับที่ต่ำอยู่แล้วนั้น นับเป็นข้อมูลที่ค่อนข้างน่ากังวล เนื่องจากหากทิศทางเศรษฐกิจจีนซึ่งเป็นคู่ค้าหลักยังคงชะลอตัวลง ก็อาจกดดันให้ภาพการค้าของไทยกับประเทศอื่นในอาเซียนซบเซาลงตามไปด้วย และอาจทำให้มีความเป็นไปได้ที่การส่งออกทั้งปี 2556 จะโน้มเอียงเข้าหากรอบล่างของประมาณการในช่วงร้อยละ 2-7 ของศูนย์วิจัยกสิกรไทย
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น