การส่งออกของไทยในเดือนส.ค.2556 สะท้อนให้เห็นผลจากบรรยากาศเชิงบวกของเศรษฐกิจโลก ที่ช่วยหนุนคำสั่งซื้อจากต่างประเทศของภาคการส่งออกไทยได้มากขึ้น โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญหลายชนิดเพิ่มสูงขึ้น และช่วยชดเชยผลการหดตัวของมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรซึ่งยังเผชิญปัญหาข้อจำกัดด้านอุปทานและความเสียเปรียบการแข่งขัน ทั้งนี้ มูลค่าส่งออกในเดือนส.ค.2556 สามารถพลิกกลับมาขยายตัวได้อีกครั้งในรอบ 4 เดือนที่ร้อยละ 3.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) จากที่หดตัวร้อยละ 1.5 (YoY) ในเดือนก.ค. 2556 และช่วยหนุนให้ภาพรวมการส่งออกในช่วง 8 เดือนแรกของไทย ขยายตัวร้อยละ 1.0 (YoY)
แม้การส่งออกในเดือนล่าสุดจะมีสัญญาณการปรับตัวดีขึ้น แต่ก็คงไม่เพียงพอที่จะชดเชยผลของกระบวนการฟื้นตัวที่เกิดขึ้นอย่างล่าช้าในช่วงที่ผ่านมาจากหลายปัจจัยกดดัน และคงทำให้ภาพรวมการส่งออกทั้งปี 2556 ขยายตัวได้ประมาณร้อยละ 1.5 โดยมีกรอบคาดการณ์ร้อยละ 0.5-3.0 (ปรับทบทวนลงมาเมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2556) ชะลอลงจากที่ขยายตัวร้อยละ 3.0 ในปี 2555 อย่างไรก็ดี ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของภาคการส่งออกในช่วงที่เหลือของปีตามอานิสงส์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งคงจะส่งผลต่อเนื่องมายังการเติบโตของตลาดศักยภาพ ทั้งอาเซียน ออสเตรเลีย แอฟริกาใต้ และตะวันออกกลาง โดยเฉพาะสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และซาอุดิอาระเบีย ผนวกกับแรงเสริมของปัจจัยฤดูกาลและฐานเปรียบเทียบที่ต่ำ น่าจะช่วยหนุนให้การส่งออกของไทยพลิกกลับมาบันทึกอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่องไปจนถึงช่วงสิ้นปี
ทั้งนี้ คงต้องติดตามประเด็นทิศทางค่าเงินบาทที่อาจเคลื่อนไหวผันผวน (ตามกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายอันเนื่องมาจากความกังวลต่อท่าทีการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ) ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจรับคำสั่งซื้อของผู้ประกอบการ รวมทั้งปัญหาข้อจำกัดด้านอุปทานสินค้ากลุ่มอาหารทะเลกระป๋อง/แช่แข็งบางรายการ และการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีของสินค้าบางชนิดที่เคยเป็นสินค้าส่งออกอันดับต้นๆ ของไทย
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น