การส่งออกของไทยในเดือนมี.ค. 2557 พลิกกลับมาหดตัวที่ร้อยละ 3.12 (YoY) ตามการหดตัวของคำสั่งซื้อจากกลุ่มอาเซียน-5 จีน และออสเตรเลีย แม้ว่าคำสั่งซื้อจากตลาดสหรัฐฯ สหภาพยุโรป ญี่ปุ่นรวมไปถึง CLMV จะเริ่มมีสัญญาณการขยายตัวที่ดีขึ้นก็ตาม
แม้การส่งออกของไทยในไตรมาส 1/2557 ยังคงหดตัวร้อยละ 1.00 (YoY) ต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้าที่หดตัวร้อยละ 1.03 (YoY) (และในกรณีที่ไม่นับรวมทองคำหดตัวร้อยละ 2.8 YoY) อย่างไรก็ดี สินค้าส่งออกสำคัญหลายรายการเริ่มมีสัญญาณบวกของการฟื้นตัวท่ามกลางอานิสงส์จากตลาดศักยภาพอย่าง CLMV ตะวันออกกลาง รวมทั้งการค่อยๆ ฟื้นคืนมาของกำลังซื้อในตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป ส่งผลให้การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญหลายรายการ ทั้ง คอมพิวเตอร์/อุปกรณ์/ส่วนประกอบ อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์นั่ง/ส่วนประกอบ เครื่องนุ่งห่มรวม เม็ด/ผลิตภัณฑ์พลาสติก ยังสามารถบันทึกอัตราการเติบโตได้ในช่วงที่ผ่านมา และน่าจะสามารถเป็นแรงเสริมที่ช่วยให้ภาคการส่งออกของไทยสามารถปรับตัวดีขึ้นได้ในระยะข้างหน้า
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังคงประมาณการอัตราการเติบโตของการส่งออกในปี 2557 ไว้ที่ร้อยละ 5.0 (กรอบคาดการณ์ร้อยละ 3.0-6.0) ในขณะนี้ โดยอาจมีการทบทวนประมาณการอีกครั้ง หากสถานการณ์การส่งออกในช่วงไตรมาส 2/2557 ไม่ทยอยปรับตัวดีขึ้นตามที่คาด เนื่องจากคงต้องยอมรับว่า เส้นทางการฟื้นตัวของภาคการส่งออกไทยในระยะข้างหน้า อาจต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ท้าทายทั้งจากความไม่แน่นอนของอุปสงค์จากประเทศคู่ค้าหลัก โดยเฉพาะความตึงเครียดมากขึ้นระหว่างรัสเซียกับชาติตะวันตก รวมทั้งเศรษฐกิจจีนที่ยังมีทิศทางชะลอตัว ซึ่งไม่เพียงจะกดดันให้คำสั่งซื้อสินค้าจากไทยฟื้นตัวล่าช้าแล้ว ยังอาจมีผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกหลายตัวด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ภาวะการแข่งขันจากประเทศคู่แข่ง ปัญหาด้านอุปทาน/วัตถุดิบการผลิตของสินค้าส่งออกบางรายการ รวมทั้งประเด็นความเชื่อมั่นของคู่ค้าต่างประเทศในการผลิต/ส่งมอบสินค้าของผู้ประกอบการไทย ก็ส่งผลทำให้ผู้ประกอบการในภาคการส่งออกจำเป็นต้องเตรียมพร้อมในการปรับกลยุทธ์ เพื่อรับมือกับผลกระทบจากสถานการณ์ที่ยังอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดในช่วงที่เหลือของปีนับจากนี้ไป
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น