ท่ามกลางสถานการณ์ปัจจุบันที่เศรษฐกิจโลกยังคงมีความผันผวน โดยเฉพาะพัฒนาการทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลักของไทยอย่างจีน ที่เติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลง อันส่งผลต่อเนื่องถึงความต้องการใช้ยางพารา ประกอบกับราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ไม่ได้เร่งตัวสูง ล้วนส่งผลกดดันต่อราคาส่งออกยางพาราของไทย อันมีผลต่อมูลค่าการส่งออกยางพาราของไทยที่ลดลง
นอกจากนี้ บทบาทของประเทศผู้ผลิตยางพารา ซึ่งเป็นคู่แข่งรายเก่าอย่างอินโดนีเซียและมาเลเซีย รวมถึงคู่แข่งรายใหม่ในกลุ่มประเทศ CLMV โดยเฉพาะเวียดนาม ตลอดจนนโยบายการพึ่งพาผลผลิตภายในประเทศ และขยายฐานการผลิตพืชเกษตรในต่างประเทศของประเทศผู้นำเข้ายางพาราหลักอย่างจีน จะยังคงเป็นประเด็นที่สร้างแรงกดดันต่อความสามารถทางการแข่งขันของสินค้ายางพาราไทย
ดังนั้น เพื่อรับมือกับความท้าทายข้างต้น ไทยควรรักษาข้อได้เปรียบด้านผลผลิตต่อไร่ที่นับว่าอยู่ในเกณฑ์ดีให้ได้อย่างต่อเนื่อง โดยส่งเสริมการปลูกยางพันธุ์คุณภาพ และการให้ความรู้ด้านเทคนิคการกรีดยางที่ให้ปริมาณน้ำยางสูง ตลอดจนเน้นการบริหารจัดการผลผลิตยางให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ยางผ่านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม
นอกจากนี้ ในอนาคต หากอุตสาหกรรมยางพาราของไทยมุ่งไปสู่การผลิตขั้นกลางถึงขั้นปลายน้ำมากขึ้น ประกอบกับพื้นที่ทางการเกษตรที่มีจำกัดลงตามลำดับ การมองหาโอกาสทางธุรกิจในประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านการผลิตยางพาราต้นน้ำ ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพเช่นเดียวกับพืชเกษตรอื่นๆ เช่นกัน
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น