ในการประชุมนโยบายการเงินวันที่ 5 มิ.ย. 2557 ECB ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.15% พร้อมๆ กับปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงสู่ระดับติดลบเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ ECB ที่ -0.10% (ซึ่งจะมีผลต่อเงินฝากส่วนที่เกินจากการกันสำรองตามเกณฑ์ที่กำหนด และเงินฝากประเภทอื่นๆ) และลดอัตราเงินกู้ลงสู่ระดับ 0.40% โดยให้เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย. 2557 นอกจากนี้ ECB ยังประกาศโครงการเงินกู้ระยะยาวดอกเบี้ยต่ำแก่สถาบันการเงิน (Targeted Longer-Term Refinancing Operations: TLTROs) วงเงินประมาณ 4.0 แสนล้านยูโร เพื่อกระตุ้นปล่อยสินเชื่อให้กับภาคครัวเรือน-ธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน และยกเลิกการดูดสภาพคล่องในส่วนที่เกิดขึ้นจากโครงการซื้อสินทรัพย์ (Securities Markets Programme: SMP) ออกจากระบบ ซึ่งจะทำให้มีสภาพคล่องไหลกลับเข้ามากว่า 1.7 แสนล้านยูโร และท้ายสุด ECB ได้ส่งสัญญาณ ว่ากำลังเตรียมการสำหรับมาตรการเข้าซื้อตราสาร ABS (Asset-Backed Securities) ที่หนุนหลังด้วยสินเชื่อที่ปล่อยให้กับภาคเอกชนที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า มาตรการผ่อนคลายทางการเงินจาก ECB และสัญญาณที่พร้อมจะดำเนินการเพิ่มเติมในระยะข้างหน้า อาจช่วยหนุนเส้นทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนให้สามารถพลิกกลับมาขยายตัวได้ประมาณ 1% ในปีนี้ จากที่หดตัวในช่วง 2 ปีก่อน ซึ่งสัญญาณบวกของเศรษฐกิจยูโรโซนที่เพิ่มขึ้น ทำให้การส่งออกของไทยไปยูโรโซน มีโอกาสขยายตัวได้สูงกว่า 5% ซึ่งนับว่าโดดเด่นกว่าภาพการส่งออกโดยรวมในปี 2557
ตลาดการเงินไทยอาจได้รับผลกระทบบางส่วนจากความผันผวนของตลาดเงินตลาดทุนโลก เนื่องจากน่าจะมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นเกือบ 4.0 แสนล้านดอลลาร์ฯ จากผลของการลดดอกเบี้ยเงินฝากและการยกเลิกการดูดซับสภาพคล่องจากโครงการ SMP ของ ECB อย่างไรก็ดี เม็ดเงินในส่วนนี้ ก็เทียบเท่ากับสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้นประมาณ 5 เดือนในช่วงที่เฟดทำ QE 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ ต่อเดือน เท่านั้น
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น