อุปกรณ์เครื่องมือแพทย์นับว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในวงการแพทย์ และในปัจจุบัน พลาสติกก็ถูกนำมาใช้ขึ้นรูปหรือเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของการผลิตอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเลนส์แว่นสายตา หลอดฉีดยา หลอดสวน ฟิล์มเอ็กซ์เรย์ ถุงบรรจุเลือด ถุงน้ำเกลือ บรรจุภัณฑ์บรรจุยา หรือแม้แต่สายยาง เป็นต้น
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ผลิตภัณฑ์พลาสติกในอุตสาหกรรมอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ยังมีความต้องการใช้ในประเทศอยู่ในระดับสูง โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยของความต้องการใช้ภายในประเทศกว่าร้อยละ 15.5 ต่อปี แต่การจัดหาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองกับความต้องการภายในประเทศโดยภาพรวมยังเป็นการพึ่งพิงการนำเข้า ซึ่งไทยมีสัดส่วนการนำเข้าโดยเฉลี่ยกว่าร้อยละ 62.9 ของปริมาณความต้องการใช้ในประเทศทั้งหมด นับได้ว่าอาจเป็นโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการโดยเฉพาะผู้ผลิตที่จะมีโอกาสขยายสายการผลิต หรือทำการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นมาเพื่อผลิตทดแทนการนำเข้าและเพื่อรองรับกับความต้องการใช้ในประเทศที่คาดว่าจะมีเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ในปี 2557 มูลค่าตลาดผลิตภัณฑ์พลาสติกในอุตสาหกรรมอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ไทยจะมีมูลค่าสูงถึง 22,100 ล้านบาท ขยายตัวกว่าร้อยละ 11.1 จากปี 2556 ที่มีมูลค่าอยู่ที่ 19,900 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี ผลิตภัณฑ์พลาสติกในอุตสาหกรรมอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ที่ไทยนำเข้าโดยส่วนใหญ่อยู่ในประเภทใช้แล้วทิ้ง อาทิเช่น หลอดฉีดยา หลอดสวน ด้ายเย็บแผล ผ้าก๊อต ฟิล์มเอ็กซ์เรย์ เป็นต้น และเมื่อวิเคราะห์ถึงรายละเอียดแล้ว พบว่า ผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจและน่าจะเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยผลิตสินค้าเพื่อทดแทนการนำเข้ามากที่สุด นั่นคือ ผลิตภัณฑ์หลอดฉีดยาและหลอดสวน เนื่องจากเป็นอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ที่ใช้กับผู้ป่วยโดยทั่วไปตามโรงพยาบาล คลินิก หรือแม้แต่สถานพยาบาลขนาดเล็ก อีกทั้ง ยังเป็นอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ที่ผู้ป่วยหรือคนทั่วไปสามารถซื้อไปใช้ได้เองตามร้านขายยาทั่วไป เช่น ผู้ป่วยเบาหวานนำไปใช้สำหรับฉีดยาอินซูลินด้วยตนเอง ผู้ปกครองนำไปใช้สำหรับป้อนยาเด็กเล็กๆ เป็นต้น จึงทำให้ในแต่ละปีมีปริมาณความต้องการใช้ในประเทศเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ในปี 2557 ตลาดของผลิตภัณฑ์หลอดฉีดยาและหลอดสวนจะมีมูลค่าประมาณ 5,290 ล้านบาท ขยายตัวกว่าร้อยละ 10.9 จากปี 2556 ที่มีมูลค่าอยู่ที่ 4,770 ล้านบาท
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น