เศรษฐกิจอินเดียในปี 2558 มีภาพการเติบโตสูง โดยล่าสุด ทางการอินเดียปรับตัวเลขประมาณการอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีงบประมาณ 2557/58 อยู่ที่ร้อยละ 7.4 และอาจเติบโตต่อเนื่องแตะร้อยละ 8 ในปีงบประมาณ 2558/59 (จากการปรับการคำนวณแบบใช้ฐานใหม่) ซึ่งสวนทางการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
โดยแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักในปี 2558 มาจากการเติบโตของการบริโภคและการใช้จ่ายของภาครัฐ รวมทั้งเสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ซึ่งเอื้อต่อการดำเนินนโยบายเพื่อดูแลเศรษฐกิจ ขณะเดียวกัน การปฏิรูปที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง และการเร่งกระชับความสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์กับประเทศเศรษฐกิจสำคัญจะเป็นปัจจัยที่สนับสนุนเศรษฐกิจอินเดียให้เติบโตในระยะยาว
ทั้งนี้ แม้การส่งออกของไทยไปอินเดียจะมีสัดส่วนไม่มากหรืออยู่ที่ราวร้อยละ 2.5 ของการส่งออกทั้งหมดของไทย แต่การเติบโตในเกณฑ์ดีของอินเดียจะเป็นผลบวกต่อการส่งออกของไทย โดยสินค้าส่งออกของไทยไปอินเดียที่คาดว่าจะยังเพิ่มขึ้นในระยะถัดไปอยู่ในสินค้ากลุ่มอุตสาหกรรม อาทิ เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก ทองแดง รถยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบ อิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน ที่เป็นส่วนหนึ่งในห่วงโซ่การผลิตของอุตสาหกรรมการผลิตอินเดียที่จะเติบโตสูงในกลุ่มเครื่องจักร อุปกรณ์และชิ้นส่วน ตลอดจนแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของ FDI โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และนโยบายการส่งเสริมของภาครัฐที่เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภค ในขณะที่กลุ่มสินค้าอุปโภค อาทิ เครื่องสำอาง สบู่และผลิตภัณฑ์รักษาผิว สินค้าอาหารและอาหารแปรรูปจะเติบโตจากกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น และการลงทุนทางตรงในภาคการท่องเที่ยวและโรงแรมที่เติบโต
ซึ่งจากปัจจัยข้างต้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ภาพรวมการส่งออกจากไทยไปอินเดียในปี 2558 น่าจะเติบโตในกรอบร้อยละ 6.5 ถึง 8.0 ต่อเนื่องจากปี 2557 ที่เติบโตสูงส่วนหนึ่งมาจากฐานที่ต่ำในปี 2556 โดยมีมูลค่าการส่งออกในปี 2558 อยู่ที่ประมาณ 5,980 - 6,060 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น