ตัวเลขการส่งออกของไทยเดือนก.พ. 2558 หดตัวลงตามที่คาด โดยมูลค่าการส่งออกในรูปเงินดอลลาร์ฯ หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน ที่ร้อยละ 6.14 (YoY) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน แย่ลงกว่าที่ติดลบร้อยละ 3.46 ในเดือนม.ค. 2558 โดยในรายละเอียดนั้น สินค้าส่งออกรายการสำคัญของไทยยังคงเผชิญแรงกดดันอย่างต่อเนื่อง จากภาวะการฟื้นตัวที่ล่าช้าของเศรษฐกิจโลก และราคาสินค้าส่งออกที่ลดต่ำลง ทั้งนี้ มูลค่าการส่งออกรวมของสินค้า 5 รายการ ประกอบด้วย น้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป ทองคำ ยางพารา และผลิตภัณฑ์ยาง (สัดส่วนเกือบร้อยละ 10 ของมูลค่าการส่งออกรวม) ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีราคาส่งออกที่อ่อนไหวตามทิศทางตลาดโลก หดตัวลงถึงร้อยละ 35.2 (YoY) ในเดือนก.พ. ขณะที่ ตลาดส่งออกสำคัญของไทย (ยกเว้นสหรัฐฯ และประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่ม CLMV) ล้วนหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดจีน (หดตัวร้อยละ 15.1 YoY) สหภาพยุโรป (หดตัวร้อยละ 5.6 YoY) ญี่ปุ่น (หดตัวร้อยละ 11.7 YoY) และอาเซียนเดิม 5 ประเทศ (หดตัวร้อยละ 16.4 YoY)
จากการที่ตัวเลขการส่งออกในเดือนก.พ. 2558 หดตัวลงใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ไว้ ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังคงประเมินว่า มูลค่าการส่งออกของไทยน่าจะยังคงหดตัวลง (YoY) อย่างต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ก่อนจะเริ่มทยอยปรับตัวดีขึ้นในช่วงปลายๆ ไตรมาส 2/2558 อย่างไรก็ดี ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า การฟื้นตัวของมูลค่าการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลัง อาจจะยังคงอยู่ในกรอบที่จำกัด เนื่องจากสินค้าส่งออกของไทยจะยังคงต้องรับมือกับหลายโจทย์ที่ต่อเนื่องจากปีก่อน ทั้งสถานการณ์การแข่งขันทางด้านราคาและปริมาณผลผลิตจากประเทศคู่แข่ง โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าเกษตรรายการสำคัญ ตลอดจนข้อจำกัดทางเทคโนโลยีในการผลิตสินค้าที่ยังไม่ตอบโจทย์ความต้องการ/เทรนด์ในตลาดโลก
ด้วยเหตุนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงยังคงมีมุมมองที่ระมัดระวังในการประเมินภาพรวมของสถานการณ์การส่งออกในช่วงที่เหลือของปี และคาดการณ์ว่า การส่งออกในปี 2558 จะขยายตัวที่ร้อยละ 0.0 (โดยมีกรอบคาดการณ์ในช่วงติดลบร้อยละ 1.0 ถึง ขยายตัวร้อยละ 2.0)
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น