อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติกไทย เป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ โดยสามารถผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกเพื่อรองรับความต้องการใช้ในประเทศและทำการส่งออกสู่ประเทศคู่ค้าสำคัญอย่างญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และจีน เป็นต้น โดยในปี 2557 ที่ผ่านมา ไทยมีการส่งออกผลิตภัณฑ์พลาสติก ราว 1.1 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 122,503 ล้านบาท และมีอัตราการขยายตัวอยู่ร้อยละ 12.4 จากปี 2556
อย่างไรก็ดี ในปี 2558 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า มูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์พลาสติกจะหดตัวราวร้อยละ 1.9 จากปี 2557 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 120,220 ล้านบาท เนื่องจากราคาน้ำมันที่ลดต่ำลง ประกอบกับเศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญชะลอตัว โดยเฉพาะญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ส่งผลให้กำลังซื้อในตลาดส่งออกดังกล่าวอ่อนแอ โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์พลาสติกที่น่าจะหดตัวและส่งผลกระทบต่อมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์พลาสติกโดยรวมมากที่สุด คือ กลุ่มแผ่นพลาสติก ฟิล์ม ฟอยล์ หรือแถบที่ทำด้วยพลาสติก และกลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติก ขณะที่ ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ทำด้วยพลาสติก อาทิเช่น อุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงาน อุปกรณ์ติดตั้งสำหรับเฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น น่าจะยังขยายตัวได้ดี
ขณะที่ ในปี 2559 มูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์พลาสติกน่าจะฟื้นตัวดีขึ้น จากการทยอยฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ประกอบกับความต้องการผลิตภัณฑ์พลาสติกไทยในประเทศกลุ่ม CLMV ที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมูลค่าพลาสติกไม่น่าจะถูกแรงกดดันจากการทรุดตัวแรงของราคาน้ำมันในตลาดโลกเหมือนปี 2558 โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ในปี 2559 มูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์พลาสติกของไทยจะขยายตัวในกรอบร้อยละ 2.3 – 4.0 จากปี 2558 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 122,980 – 125,030 ล้านบาท
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ในระยะสั้นภายใน 1 – 3 ปี การผลิตพลาสติกขั้นพื้นฐานเพื่อส่งออกไปยังตลาด CLMV น่าจะยังคงเป็นผลิตภัณฑ์หลักที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมพลาสติกไทย ขณะที่ การต่อยอดนวัตกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติกโดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง โดยเฉพาะพลาสติกชีวภาพ น่าจะเป็นแรงผลักดันสำคัญต่ออุตสาหกรรมพลาสติกไทยในระยะยาว
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น