สำหรับการส่งออกรถยนต์ปี 2558 นี้ เนื่องจากการส่งออกรถอีโคคาร์ที่สามารถทำตลาดได้ค่อนข้างดีมาก โดยเฉพาะในทวีปอเมริกาเหนือ และยุโรป ผนวกกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศผู้นำเข้าหลัก เช่น ออสเตรเลีย ทำให้การนำเข้ารถยนต์กลับมาขยายตัวได้ดีขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าจะทำให้การส่งออกรถยนต์ปี 2558 นี้ น่าจะมีโอกาสขยายตัวได้ถึงกว่าร้อยละ 9 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ด้วยการส่งออกรถยนต์กว่า 1,230,000 คัน โดยเป็นการส่งออกรถยนต์นั่งถึงเกือบ 500,000 คัน ขยายตัวกว่าปีก่อนหน้าถึงกว่าร้อยละ 19
ส่วนการส่งออกรถยนต์ในปี 2559 คาดว่าโดยรวมยังคงมีแนวโน้มที่สดใสต่อเนื่อง โดยเฉพาในตลาดส่งออกเดิม เช่น ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ เปรู นิวซีแลนด์ และญี่ปุ่น เป็นต้น รวมถึงตลาดใหม่ที่มีโอกาสขยายตัวได้ต่อ เช่น เม็กซิโก สหรัฐฯ หลายประเทศในยุโรป ลาว และเวียดนาม เป็นต้น โดยพบว่าการส่งออกรถยนต์นั่งสามารถขยายตัวได้ดีในตลาดเหล่านี้มากกว่ารถเพื่อการพาณิชย์ อย่างไรก็ตามประเทศผู้นำเข้าเดิมที่อาจยังเผชิญกับภาวะหดตัวต่อ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย รวมถึงกลุ่มประเทศตะวันออกกลางและแอฟริกา อาจยังคงเผชิญภาวะหดตัวได้ต่อ จากปัจจัยลบในประเทศ โดยเฉพาะ รายได้ประชากรที่ยังคงมีความเสี่ยงอยู่
จากการส่งออกโดยรวมที่ยังมีแนวโน้มไปในทิศทางบวกดังกล่าว ประกอบกับค่ายรถมีการเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อส่งออกมากขึ้น โดยเฉพาะในโครงการรถอีโคคาร์ เฟส 2 ที่น่าจะมีความคืบหน้าของค่ายรถอื่นๆ ที่ได้มีการขอรับการส่งเสริมการลงทุนออกมาเพิ่มเติมในปี 2559 นี้ รวมถึงค่าเงินบาทที่ยังมีทิศทางอ่อนค่าลง เป็นแรงเสริมทางบวกทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าการส่งออกรถยนต์ปี 2559 น่าจะขยายตัวดีขึ้นไปอยู่ที่ระดับร้อยละ 2 ถึง 6 หรือคิดเป็นตัวเลขการส่งออกที่ 1,250,000 ถึง 1,300,000 คัน โดยสัดส่วนของการส่งออกรถยนต์นั่งจะเพิ่มขึ้นไปอยู่เหนือระดับร้อยละ 40 ของการส่งออกรถยนต์รวม
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น