การส่งออกของไทยเดือนก.พ. 2559 กลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 14 เดือน แต่ผลส่วนใหญ่มาจากการส่งออกทองคำ และสินค้ารายการพิเศษอื่นๆ จากรายงานข้อมูลการค้าระหว่างประเทศของกระทรวงพาณิชย์ล่าสุด มูลค่าการส่งออกของไทยพลิกกลับมาเติบโตถึงร้อยละ 10.27 (YoY) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ในเดือนก.พ. 2559 (นอกจากจะเป็นการกลับมาขยายตัวครั้งแรกในรอบ 14 เดือนแล้ว ยังเป็นอัตราการเติบโตของมูลค่าการส่งออกรายเดือนที่สูงที่สุดในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี การขยายตัวสูงของการส่งออกไทยในเดือนก.พ. 2559 น่าจะมาจากหลายปัจจัยพิเศษที่เกิดขึ้นเฉพาะในระหว่างเดือน อาทิ 1) สถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของมูลค่าการส่งออกทองคำ ที่ 1,890 ล้านดอลลาร์ฯ ในเดือนก.พ. 2559 (ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 1,051 YoY) และ 2) ส่งออกเฮลิคอปเตอร์และยานยนต์ที่ใช้ในการซ้อมรบกลับออกไป ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 683 ล้านดอลลาร์ฯ ดังนั้น หากหักการส่งออกน้ำมัน ทองคำและรายการพิเศษจากการส่งออกเฮลิคอปเตอร์และยานยนต์ซ้อมรบออกไป จะทำให้การส่งออกสินค้าปกติของไทยในเดือนก.พ. 2559 ยังคงหดตัวลงอย่างต่อเนื่องที่ประมาณร้อยละ -2.0 (YoY)
สำหรับแนวโน้มการส่งออกทั้งปี 2559หลังจากที่ภาพรวมการส่งออกในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2559 ขยายตัวได้ร้อยละ 0.67 (YoY) ดังนั้น การที่การส่งออกของไทยทั้งปี 2559 จะสามารถเลี่ยงตัวเลขที่ติดลบได้นั้น สถานการณ์การส่งออกในช่วง 10 เดือนที่เหลือของปี จะต้องมีมูลค่าการส่งออกต่อเดือนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 18,000 ล้านดอลลาร์ฯ ซึ่งสูงกว่าในช่วง 2 เดือนแรกของปี ที่มีค่าเฉลี่ยประมาณ 17,350 ล้านดอลลาร์ฯ ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงประเมินว่า แนวโน้มการฟื้นตัวของภาคการส่งออกในปีนี้ ยังคงมีความท้าทายอยู่อีกมากพอสมควร เพราะนอกจากจะเผชิญกับภาวะการค้าและเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวนแล้ว การฟื้นตัวของสินค้าส่งออกที่เป็นรายการสำคัญ ก็คงไม่อาจเกิดขึ้นได้เร็ว ตราบใดที่คำสั่งซื้อจากตลาดส่งออกหลัก โดยเฉพาะจีน สหรัฐฯ และยุโรป ยังคงมีภาพที่อ่อนแอ
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น