จับตาปี’ 60 โฆษณารูปแบบวิดีโอออนไลน์มีบทบาทแข่งขันกับโฆษณาทางโทรทัศน์มากขึ้น (กระแสทรรศน์ ฉบับที่ 2807)

การรุกพัฒนาแพลตฟอร์มวิดีโอออนไลน์ของกลุ่มสื่อออนไลน์ในปี 2560 ประกอบกับความหลากหลายของคอนเทนต์วิดีโอออนไลน์ น่าจะขยายฐานผู้ชมวิดีโอออนไลน์ให้กว้างขึ้น รวมถึงผู้คนใช้เวลารับชมวิดีโอออนไลน์ยาวนานขึ้น ก่อให้เกิดรายได้ค่าโฆษณาที่เพิ่มสูงขึ้นสำหรับกลุ่มสื่อออนไลน์ที่พัฒนาแพลตฟอร์มวิดีโอออนไลน์
ทั้งนี้ การโฆษณารูปแบบวิดีโอออนไลน์มีความใกล้เคียงกับการโฆษณาทางโทรทัศน์ในด้านการนำเสนอโฆษณาในรูปแบบภาพเคลื่อนไหว อีกทั้งการโฆษณารูปแบบวิดีโอออนไลน์มีข้อได้เปรียบการโฆษณาทางโทรทัศน์ ทั้งค่าโฆษณาในระดับที่ต่ำกว่า การไม่มีข้อจำกัดในด้านระยะเวลาการโฆษณา การเข้าถึงผู้ชมกลุ่มเป้าหมายได้อย่างเฉพาะเจาะจง รวมถึงมีทางเลือกในการโฆษณาหลากหลายรูปแบบ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ภาคธุรกิจมีแนวโน้มกระจายงบประมาณโฆษณามาสู่แพลตฟอร์มวิดีโอออนไลน์ และโฆษณารูปแบบวิดีโอออนไลน์น่าจะมีบทบาทแข่งขันกับโฆษณาทางโทรทัศน์มากขึ้น โดยคาดว่า ในปี 2560 เม็ดเงินโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มวิดีโอออนไลน์หลัก น่าจะเพิ่มขึ้นได้ถึงเกือบสามเท่าตัวในระยะเวลาสามปี ในขณะที่เม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์ในปี 2560 น่าจะมีแนวโน้มลดลง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า เม็ดเงินโฆษณาออนไลน์ในปี 2560 น่าจะคิดเป็นมูลค่า 12,000-12,500 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 21-26 จากในปี 2559 ทั้งนี้ แนวโน้มการดำเนินชีวิตของผู้คนในหลากหลายด้านที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตมากขึ้น หรือยุค Internet of Things ประกอบกับการพัฒนาอุปกรณ์อัจฉริยะต่างๆ น่าจะส่งผลให้สื่อโฆษณาสามารถเข้าถึงข้อมูลเฉพาะบุคคลในเชิงลึกได้อย่างแม่นยำ สามารถนำข้อมูลมารวบรวมเป็น Big Data เพื่อวิเคราะห์และประมวลผล แล้วนำเสนอโฆษณาผ่านสื่อโฆษณาต่างๆ ในจังหวะเวลาที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคลอย่างเฉพาะเจาะจง ซึ่งสะท้อนถึงโอกาสในการยกระดับการโฆษณาออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
สำหรับความท้าทายของกลุ่มสื่อออฟไลน์ในปี 2560 อยู่ที่การนำเสนอแพ็คเกจโฆษณาที่มีความคุ้มค่า เพื่อดึงดูดการใช้จ่ายเม็ดเงินโฆษณาจากภาคธุรกิจ โดยเจ้าของพื้นที่โฆษณาที่มีสื่อโฆษณาหลากหลายประเภท ทั้งสื่อออนไลน์ และสื่อออฟไลน์ อย่างทีวีดิจิตอล คลื่นวิทยุ สื่อสิ่งพิมพ์ และสื่อนอกบ้าน มีข้อได้เปรียบในการนำเสนอแพ็คเกจโฆษณาที่ผสมผสานสื่อต่างๆ เข้าด้วยกัน