เศรษฐกิจของ CLMV ยังคงเป็นดาวเด่นของอาเซียนที่คาดว่าจะขยายตัวได้ร้อยละ 6.5 ในปี 2559 โดยแรงส่งหลักมาจากการลงทุนที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงการบริโภคภาคเอกชนที่ยังเติบโตได้ดี อันสะท้อนถึงอุปสงค์สินค้าที่น่าจะยังอยู่ในระดับสูง ทำให้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา CLMV ได้ก้าวขึ้นมาเป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทยด้วยสัดส่วนการส่งออกกว่าร้อยละ 10.3 ของการส่งออกรวม อีกทั้ง โมเมนตัมการขยายตัวทางเศรษฐกิจของ CLMV ยังดีต่อเนื่องในปี 2560 ที่คาดว่าขยายตัวได้ร้อยละ 6.8
ทว่า การส่งออกของไทยไป CLMV ในปี 2559 กลับไม่ได้สะท้อนภาพที่สดใส โดยหดตัวร้อยละ 0.1 เทียบกับการส่งออกโดยรวมของไทยที่ขยายตัวได้ร้อยละ 0.5 และสวนทางกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของ CLMV ที่ยังคงสูงต่อเนื่อง ซึ่งสาเหตุหลักมาจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งเป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกหลักของไทยที่อยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ดี ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า การส่งออกจากไทยไป CLMV ปี 2560 น่าจะสามารถกลับมาขยายตัวได้ในกรอบร้อยละ 3.3-4.3 (ค่ากลางร้อยละ 3.8) แตะ 23,000 ล้านดอลลาร์ฯ จากแนวโน้มราคาสินค้า โภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น
ส่วนในระยะข้างหน้า การส่งออกของไทยไปยัง CLMV นอกจากจะต้องเผชิญกับวัฏจักรราคาสินค้าโภคภัณฑ์แล้ว ยังจะต้องเผชิญกับความท้าทายอื่น ๆ ซึ่งจะกลายเป็นโจทย์สำคัญมากขึ้น และสะท้อนกลับมาที่ปัญหาเชิงโครงสร้างการส่งออกของไทยไปยังตลาด CLMV ดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการออกไปลงทุนตั้งฐานการผลิตใน CLMV ของนักลงทุนไทย และการขาดความเชื่อมโยงกับห่วงโซ่อุปทานของ CLMV จนอาจส่งผลต่อเสถียรภาพของการส่งออกของไทยไปยัง CLMV
ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยจำต้องปรับตัวโดยเพิ่มการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม เพื่อเชื่อมกับห่วงโซ่อุปทาน และสนับสนุนการขยายตัวของอุตสาหกรรมใน CLMV รวมไปถึงเพิ่มการส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูง เพื่อตอบโจทย์กำลังซื้อในเขตเมืองของ CLMV ที่เพิ่มขึ้นตามสัดส่วนชนชั้นกลางที่ขยายตัว อันจะช่วยรักษาเสถียรภาพของการส่งออกของไทยไป CLMV ในระยะยาว
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น