การแพร่ภาพรายการทีวีผ่านช่องทางออนไลน์มีความคึกคัก ส่งผลให้ผู้ให้บริการกลุ่ม OTT เข้ามาแข่งขันแพร่ภาพรายการทีวีผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น โดย ผู้ให้บริการชมรายการทีวีผ่านช่องทางออนไลน์เป็นบริการหลัก ทั้งผู้ให้บริการอิสระ YouTube และผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล สามารถสร้างรายได้จากการแพร่ภาพรายการทีวีผ่านช่องทางออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ เช่น ค่าสมัครสมาชิก ค่าใช้บริการจากการชมตามจริง ค่าโฆษณา เป็นต้น ในขณะที่ ผู้ให้บริการชมรายการทีวีผ่านช่องทางออนไลน์เป็นบริการเสริมจากธุรกิจดั้งเดิม อย่างผู้ประกอบการเครือข่ายโทรคมนาคม สามารถกระตุ้นให้ลูกค้าใช้บริการชมรายการทีวีผ่านช่องทางออนไลน์ ที่นำมาซึ่งรายได้จากค่าใช้บริการอินเทอร์เน็ต หรือการสมัครแพ็คเกจการให้บริการใหม่ๆ รวมถึงผู้ให้บริการโซเชียลเน็ตเวิร์คทั่วไป อย่าง Facebook และ Line สามารถกระตุ้นให้ผู้ใช้งานใช้เวลาหรือมีปฏิสัมพันธ์บนโซเชียลเน็ตเวิร์คมากขึ้น ที่นำมาซึ่งความสามารถในการขึ้นค่าโฆษณาได้
ทั้งนี้ การชมรายการทีวีผ่านช่องทางออนไลน์ของคนไทยส่วนใหญ่ยังเป็นการชมรายการทีวีบนแพลตฟอร์มของผู้ให้บริการกลุ่ม OTT ในกลุ่มผู้ให้บริการโซเชียลเน็ตเวิร์ค และกลุ่มผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลเป็นหลัก ซึ่งมีรายได้จากค่าโฆษณา โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า รายได้ค่าโฆษณาของผู้ให้บริการกลุ่ม OTT ในปี 2560 น่าจะอยู่ที่ 6,000-6,200 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 20-24 จากในปี 2559
จากการสำรวจพฤติกรรมการชมรายการทีวีผ่านช่องทางออนไลน์ โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 64 ชมรายการทีวีผ่านช่องทางออนไลน์ ในจำนวนนี้ ส่วนใหญ่ร้อยละ 49 ระบุว่า การถ่ายทอดสดรายการทีวีผ่านช่องทางออนไลน์ (Live) มีผลให้เปลี่ยนพฤติกรรมจากการดูผ่านโทรทัศน์เป็นหลัก มาสู่การดูผ่านช่องทางออนไลน์ บ้างในบางครั้ง เฉพาะในช่วงที่ไม่มีเวลา หรือไม่สะดวกชมรายการทางโทรทัศน์
รวมถึงกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 55 ระบุว่า การแพร่ภาพรายการทีวีผ่านช่องทางออนไลน์เพียงช่องทางเดียว โดยไม่แพร่ภาพผ่านโทรทัศน์ มีผลให้เปลี่ยนพฤติกรรมจากการดูผ่านโทรทัศน์เป็นหลัก มาสู่การดูผ่านช่องทางออนไลน์ บ้างในบางครั้ง เฉพาะรายการที่สนใจ ซึ่งสะท้อนว่า ผู้ชมมีทางเลือกในการชมรายการทีวีผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น