Display mode (Doesn't show in master page preview)

8 กรกฎาคม 2548

อุตสาหกรรม

เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารและในครัวพลาสติกปี'48 : ยังมีศักยภาพ ... แม้ต้องเสี่ยงด้านราคาวัตถุดิบ

คะแนนเฉลี่ย

ปัจจุบันมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์พลาสติกของไทยสูงประมาณ 60,000 ล้านบาทต่อปีและติดอันดับ 1 ใน 20 รายการสินค้าส่งออกที่สำคัญของไทยมาโดยตลอด ซึ่งในบรรดาผลิตภัณฑ์พลาสติกส่งออกทั้งหมดพบว่าแผ่นและแถบพลาสติก(เช่นฟิล์ม ฟอยล์ และเทป) และถุงรวมถึงกระสอบพลาสติก เป็นสินค้าผลิตภัณฑ์พลาสติกที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุดที่ระดับมูลค่า 18,732.8 ล้านบาท และมูลค่า 15,000.7 ล้านบาทตามลำดับในปี 2547 ตามมาด้วย เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารและในครัวพลาสติกที่มีมูลค่าการส่งออก 2,764.9 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม จากการเปิดเสรีทางการค้าตามข้อกำหนดของ WTO และ AFTA ส่งผลให้สินค้าผลิตภัณฑ์พลาสติกระดับล่างราคาถูกและสินค้าที่ไม่ต้องใช้การออกแบบหรือฝีมือทักษะมากนักอย่าง ถุง กระสอบ หลอดและท่อพลาสติก หรือบรรจุภัณฑ์ระดับล่างของไทยต้องแข่งขันกับคู่แข่งอย่างจีน และอินโดนีเซียที่รุนแรงเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ

ขณะที่เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารและเครื่องใช้ในครัวพลาสติกที่ผู้ประกอบการไทยทั้งรายเก่าและรายใหม่ในปัจจุบันต่างให้ความสำคัญต่อการพัฒนาวัสดุและรูปแบบอย่างต่อเนื่อง เป็นสินค้าที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าไทยยังมีศักยภาพในการแข่งขันได้ในตลาดโลกและยังมีโอกาสขยายส่วนแบ่งตลาดได้อีกในอนาคตตามความต้องการที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในตลาดโลก อันเนื่องมาจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดูแลรักษาง่าย รวมทั้งยังเป็นสินค้าเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารและในครัวที่มีราคาโดยเฉลี่ยถูกกว่าเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารและในครัวที่ทำด้วยวัสดุอื่นๆแม้จะมีการปรับราคาขึ้นระดับหนึ่งตามราคา เม็ดพลาสติกที่ทะยานเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลกแล้วก็ตาม นอกจากนี้สินค้าประเภทนี้ไทยก็มีคุณภาพและรูปแบบสอดคล้องกับความต้องการของตลาดต่างประเทศและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงยังเป็นที่ยอมรับในความสามารถการส่งมอบที่ตรงเวลาและรวดเร็วด้วย ทำให้การส่งออกสินค้าประเภทนี้ของไทยจึงน่าจะยังเติบโตต่อไปได้ในปี 2548 แต่ขณะเดียวกันก็เป็นไปได้ว่าในช่วงครึ่งหลังปี 2548 ผู้ประกอบการไทยอาจจะต้องลดปริมาณการผลิตลงเพราะราคาเม็ดพลาสติกที่เป็นผลพลอยได้จากการกลั่นน้ำมันและเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูง ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงคาดว่าเมื่อสิ้นปี 2548 การส่งออกสินค้าเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารและเครื่องใช้ครัวพลาสติกของไทยน่าจะเติบโตได้กว่าร้อยละ 10 แต่ไม่เกินร้อยละ 20 โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายในตลาดระดับกลางถึงบนอย่างตลาดสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และตลาดใหม่ๆอย่างออสเตรเลีย เนื่องจากกลุ่มประเทศดังกล่าวมีความต้องการเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารและเครื่องใช้ในครัวพลาสติกเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีกำลังซื้อสูงด้วย

แม้ว่าสถานการณ์การส่งออกเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารและในครัวที่ทำด้วยพลาสติกของไทยจะยังมีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดโลกและยังมีโอกาสขยายส่วนแบ่งตลาดได้อีกในอนาคตตาม ความต้องการที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในตลาดโลก แต่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เห็นว่าในยุคการแข่งขันเสรีเช่นปัจจุบัน ผู้ประกอบการไทยควรต้องดำเนินกลยุทธ์เปิดเกมรุกอย่างจริงจังเพื่อรองรับการแข่งขันที่คาดว่าจะทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น เช่นการพัฒนาทั้งด้านคุณภาพสินค้า รูปแบบสินค้า และการออกแบบสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการและรสนิยมของกลุ่มเป้าหมาย พร้อมทั้งสร้างแบรนด์เนมของตนเอง เป็นต้น ขณะเดียวกันในภาวะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่มีผลต่อต้นทุนวัตถุดิบของอุตสาหกรรมนี้ยังคงมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูง และระดับอัตราแลกเปลี่ยนของค่าเงินบาทกับดอลลาร์สหรัฐฯที่ยังคงผันผวนเนื่องจากการซื้อขายเม็ดพลาสติกมักดำเนินการกันด้วยเงินสกุลเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงเห็นว่าผู้ประกอบการไทยควรต้องมีกลยุทธ์การตั้งรับด้วยไม่ว่าจะเป็นการปรับลดต้นทุนโดยเฉพาะต้นทุนด้านการขนส่งด้วยการนำระบบลอจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพมาใช้ การจัดหาแหล่งวัตถุดิบที่ราคาถูกลงแต่ยังคงระดับคุณภาพไว้ หรือการรวมตัวกันระหว่างผู้ประกอบการโดยเฉพาะบรรดาผู้ประกอบการรายเล็กในการสั่งซื้อวัตถุดิบให้เกิดปริมาณขนาดใหญ่เพื่อสร้างอำนาจการต่อรองให้เพิ่มขึ้น หรือการปรับราคาสินค้าให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการบริหารจัดการภายในโรงงานเพื่อผลิตให้ได้จำนวนมากแต่ต้นทุนเท่าเดิมหรือมีต้นทุนต่อหน่วยลดลงไม่ว่าจะเป็นการลงทุนเครื่องจักรใหม่ หรือการปรับเปลี่ยนระบบเครื่องปรับอากาศเป็นแบบประหยัดพลังงาน เป็นต้น

ดูรายละเอียดฉบับเต็ม


อุตสาหกรรม