ราคาผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่มีแนวโน้มลดลงมาตั้งแต่ช่วงต้นปี 2549 แม้ว่ารัฐบาลจะมีมาตรการแทรกแซงตลาดเพื่อยกระดับราคาแล้วก็ตาม แต่ราคามันสำปะหลังก็ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปี 2548 ทั้งนี้เนื่องจากในปี 2548 นั้นราคามันสำปะหลังสูงเป็นประวัติการณ์ ทำให้ผลผลิตในปี 2549/50 เพิ่มมากขึ้นด้วย เนื่องจากราคาจูงใจให้เกษตรกรขยายการปลูก ในขณะที่ตลาดรองรับขยายตัวไม่ทัน ทั้งตลาดในประเทศและตลาดส่งออก กล่าวคือ การสร้างโรงงานผลิตเอทานอลที่ใช้มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ส่วนตลาดส่งออกหลัก โดยเฉพาะจีนก็ชะลอการนำเข้า เนื่องจากต้องการรอดูราคาและนโยบายการแทรกแซงราคาของรัฐบาล รวมทั้งหันไปนำเข้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังจากเวียดนามเพิ่มมากขึ้น ซึ่งแนวทางแก้ไขในระยะสั้นนั้นนโยบายแทรกแซงตลาดอาจเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อช่วยพยุงราคาไม่ให้ตกต่ำไปกว่าปัจจุบัน แต่ในระยะยาวจะต้องเน้นเรื่องของประสิทธิภาพและคุณภาพเป็นหลัก แนวนโยบายที่ต้องเร่งดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่องคือ การขยายความต้องการใช้มันสำปะหลัง ทั้งตลาดในประเทศโดยการเร่งการสร้างโรงงานผลิตเอทานอลที่ใช้มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบ และตลาดต่างประเทศโดยเน้นการสร้างความได้เปรียบโดยเปรียบเทียบตั้งแต่การลดต้นทุนการผลิตและพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะเปอร์เซนต์แป้ง ทั้งนี้เพื่อการเจาะขยายตลาดแย่งส่วนแบ่งตลาดคืนมาจากเวียดนาม ซึ่งผู้นำเข้าพิจารณาทั้งราคาและปริมาณเปอร์เซนต์แป้งเป็นหลัก ส่วนการขยายตลาดในสหภาพยุโรปซึ่งมีแนวโน้มหันมานำเข้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังอีกครั้งนั้นไทยก็ต้องแย่งส่วนแบ่งตลาดจากประเทศในแอฟริกาที่ครองตลาดส่วนใหญ่อยู่มาให้ได้
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น