หลังสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ ที่สายพันธุ์เดลตาได้กลายมาเป็นภัยคุกคามหลัก และส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อในหลายๆ ประเทศรวมทั้งไทยกลับมาพุ่งขึ้นอีกครั้งและมีแนวโน้มจะกระทบต่อเศรษฐกิจของแต่ละประเทศในระยะยาวหากไม่สามารถจำกัดวงการแพร่ระบาดได้ ซึ่งจากผลของการกลับมาระบาดอย่างรุนแรงในรอบนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ปรับประมาณการทิศทางอุตสาหกรรมรถยนต์ไทยปี 2564 ใหม่
โดยในกรณีดีที่การแพร่ระบาดทั้งในไทยและต่างประเทศโดยเฉพาะอาเซียนสามารถกลับเข้าสู่ระดับใกล้เคียงกับช่วงเดือนมิถุนายนได้ภายในไตรมาสที่ 3 ทำให้ยอดขายในประเทศของไทยและการส่งออกสามารถฟื้นคืนสู่ระดับปกติในเวลาไม่นาน ประกอบกับการติดเชื้อไม่ทำให้เกิดเหตุต้องหยุดการผลิตเป็นระยะเวลานาน ไทยจึงยังสามารถเร่งผลิตรถยนต์ชดเชยได้ตามความต้องการจริงในตลาด ส่งผลให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าในกรณีดียอดขายรถยนต์ในประเทศอาจทำได้ถึง 750,000 คัน (-5.3%YoY) ในปี 2564 ขณะที่ปริมาณการส่งออกน่าจะมีโอกาสทำได้ 950,000 คัน (+29.0%YoY) ส่งผลให้การผลิตรถยนต์รวมในปีนี้มีโอกาสทำได้ 1,680,000 คัน (+17.5%YoY)
ส่วนกรณีเลวร้ายที่การแพร่ระบาดยือเยื้อและกว่าไทยและประเทศในอาเซียนจะทำให้ปริมาณผู้ติดเชื้อใหม่ลดลงไปสู่ระดับเดือนมิถุนายนได้ก็เป็นช่วงปลายปีแล้ว ทำให้ระบบเศรษฐกิจได้รับผลกระทบในระดับที่มากกว่า ส่งผลต่อยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ลดลงรวมถึงการส่งออก เมื่อบวกเข้ากับกรณีที่หากเกิดการปิดโรงงานประกอบรถยนต์ในระยะเวลานานกว่ากรณีแรกหรือราว 1 เดือน โอกาสที่จะมาเร่งผลิตชดเชยในช่วงที่สถานการณ์ดีขึ้นในภายหลังจะทำได้ยากกว่า ส่งผลให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าในกรณีเลวร้าย ยอดขายรถยนต์ในประเทศอาจทำได้เพียง 720,000 คัน (-9.0%YoY) ในปี 2564 ส่วนปริมาณการส่งออกมีโอกาสทำได้เพียง 890,000 คัน (+21.0%YoY) ส่งผลให้การผลิตรถยนต์รวมทั้งปีในกรณีนี้มีโอกาสทำได้เพียง 1,600,000 คัน (+12.0%YoY)
ว
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น