ในปี 2566 แม้ตลาด BEV จะยังมีปัจจัยกดดันอยู่บ้าง แต่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า หากทำได้ดีมีโอกาสที่ยอดขายรถยนต์ BEV ของไทยน่าจะเติบโตได้กว่า 270% (YoY) พายอดขายไปแตะระดับ 50,000 คัน ดันให้ส่วนแบ่งตลาดของรถยนต์ BEV เพิ่มขึ้นไปเป็นไม่น้อยกว่า 5.8% ของตลาดรถยนต์ไทยรวมที่คาดว่าจะทำได้ระหว่าง 865,000-895,000 คัน โดยปัจจัยบวกสนับสนุนตลาด BEV มาจากทั้งฝั่งอุปสงค์ที่ได้แรงสนับสนุนจากภาครัฐ และฝั่งอุปทานจากปัญหาชิปขาดแคลนที่เริ่มคลี่คลายลง การเข้ามาลุยตลาดของค่ายรถมากขึ้น และการที่ยอดขายรถยนต์ BEV ในจีนลดลงทำให้มีการผลักดันออกไปยังตลาดต่างประเทศ เช่น ไทย
โดยการหดตัวลงของยอดขายรถยนต์ BEV ในจีนนั้น ได้ส่งผลให้มีการส่งออกรถยนต์ BEV จากจีนมาไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าน่าจะทำให้รถยนต์ BEV จีนในไทยกินส่วนแบ่งตลาดได้ที่ 85% ในปี 2566 เพิ่มขึ้นจาก 78% ในปีที่แล้ว ส่วนในระยะถัดไป การแข่งขันในตลาดรถยนต์ BEV ไทยมีแนวโน้มจะรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะเมื่อหลายค่ายรถยังรุกตลาดต่อเนื่องและผู้บริโภคมีข้อมูลใหม่ๆ ถึงประสบการณ์การใช้รถยนต์ BEV ทำให้มองว่าค่ายรถ BEV ที่จะประสบความสำเร็จในไทยอาจต้องมีแบรนด์ที่เข้มแข็ง มีการลงทุนเรื่องการบริการหลังการขาย การซ่อมบำรุงและจัดหาอะไหล่ได้รวดเร็ว น่าเชื่อถือและทั่วถึง ซึ่งการเข้ามาลงทุนในไทยก็จะช่วยให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในเรื่องนี้ได้มากขึ้น อย่างไรก็ดี ค่ายรถคงต้องชั่งน้ำหนักปัจจัยต่างๆที่เหมาะสม ซึ่งเราน่าจะได้เห็นความชัดเจนมากขึ้นในปี 2566 นี้ โดยเฉพาะค่ายรถที่เข้าร่วมโครงการของภาครัฐ
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น