ศูนย์วิจัยกสิกรไทยสำรวจพฤติกรรมและมุมมองของผู้บริโภคที่มีต่อปัญหาความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และแนวโน้มความสนใจลงทุนด้าน ESG โดยมีรายละเอียดที่สำคัญ ดังนี้
ปัญหามลพิษ และภัยธรรมชาติ เป็นปัญหาที่ผู้บริโภคเผชิญและมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันมากที่สุด ส่งผลให้ผู้บริโภคตระหนักและมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อช่วยลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น ลดหรืองดการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้วทิ้ง เลือกใช้ผลิตภัณฑ์หรือบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุธรรมชาติที่ย่อยสลายได้ แยกขยะหรือนำของเหลือกลับมาใช้ใหม่ พร้อมทั้งมีการพิจารณาเลือกใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ประหยัดพลังงาน ในขณะที่การเลือกโดยสารรถสาธารณะเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคส่วนน้อยให้ความสำคัญ
ทั้งนี้ ผู้บริโภคยินดีจ่ายเงินสูงขึ้นเพื่อบริโภคสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในกรอบไม่เกิน 20% เมื่อเทียบกับราคาปกติ โดยจะพิจารณาปัจจัยด้านความน่าเชื่อถือของผู้ผลิต และตัวผลิตภัณฑ์ว่ายังคงมีคุณภาพ มีความปลอดภัย และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้จริงประกอบการตัดสินใจด้วย พร้อมทั้งคาดหวังให้ผู้ผลิตและภาคธุรกิจออกผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ผลิตภัณฑ์จากวัสดุเหลือใช้หรือขยะ การออกผลิตภัณฑ์ประเภทเติม (refill) เพื่อลดปริมาณขยะ และมีความสนใจที่จะซื้อสินค้าประเภทสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวันเป็นอันดับแรก
สำหรับประเด็นมุมมองด้าน ESG ผู้บริโภคส่วนใหญ่มีความเห็นว่าภาคธุรกิจควรนำปัจจัยด้าน ESG มาเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินธุรกิจ และจะใช้ประเด็นด้าน ESG เพื่อประกอบการตัดสินใจพิจารณาลงทุน ซึ่งจะแบ่งสัดส่วนลงทุนในบริษัทที่มีการดำเนินการด้าน ESG ประมาณ 10-20% ของพอร์ตการลงทุน โดยให้ความสนใจในกิจการที่เกี่ยวข้องกับพลังงานหมุนเวียน เทคโนโลยีชีวภาพ เทคโนโลยีอาหารและเครื่องดื่ม ตามลำดับ ทั้งนี้ บางส่วนมองว่าการลงทุนด้าน ESG อาจได้ผลตอบแทนต่ำในระยะสั้น และมีแนวโน้ม
ที่จะขายสินทรัพย์ทางการเงินหากกิจการที่ลงทุนมีปัญหาเกี่ยวกับประเด็นด้าน ESG
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น