การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนของสหรัฐฯ วัฏจักรขาลงของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ราคาน้ำมันดิบโลกที่อยู่ในระดับต่ำ รวมถึงปัจจัยฐานที่สูงในปีก่อน เป็นปัจจัยที่กดดันให้การส่งออกสินค้าของไทยในเดือนม.ค. 2562 หดตัวร้อยละ 5.65 YoY ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับการส่งออกสินค้าของประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคที่หดตัวสูง เช่น สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังคงประมาณการอัตราการขยายตัวของการส่งออกสินค้าไทยในปี 2562 ไว้ที่ร้อยละ 4.5 (กรอบประมาณการที่ร้อยละ 2.0 - 6.0) โดยมองว่า ทิศทางการส่งออกสินค้าไทยในช่วงไตรมาสแรกจะหดตัวในช่วงร้อยละ (-) 8.0 ถึง (-) 4.0 หรือคิดเป็นมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือนประมาณ 19,300 – 20,100 ล้านดอลลาร์ฯ จากปัจจัยฐานในปี 2561 ที่สูงผิดปกติเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสแรกของปีอื่นๆ ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลของปัจจัยเฉพาะ เช่น การซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ การส่งออกสินค้ารายการพิเศษ (สินค้าในหมวดอากาศยาน ยานอวกาศ และส่วนประกอบ) ไปญี่ปุ่น เป็นต้น อย่างไรก็ดี ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การส่งออกสินค้าไทยจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นในช่วง 3 ไตรมาสหลังของปี 2562 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสถานการณ์ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนมีสัญญาณที่ดีขึ้นมากกว่าที่ประเมินไว้ในช่วงก่อนหน้า กล่าวคือ สหรัฐฯ คงจะยืดระยะเวลาการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนจากร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 25 ในวันที่ 1 มี.ค. 2562 ออกไปอีกสักระยะจนกว่าการเจรจาทางการค้าระหว่างสองประเทศจะเสร็จสิ้น ซึ่งก็น่าจะทำให้ผลกระทบเรื่องสงครามการค้าบรรเทาลงกว่าที่ประเมินไว้ แต่ยังต้องติดตามภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจสหภาพยุโรป รวมถึงประเด็นเรื่องแนวโน้มราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยที่ส่งผลในระยะยาวต่อการส่งออกสินค้าไทย
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น