ที่ผ่านมา ไทยพึ่งพาการนำเข้าวัสดุทางการแพทย์ อย่างสายสวนคุณภาพสูงจากต่างประเทศเป็นหลัก ทั้งที่อุตสาหกรรมพลาสติกไทยได้ขึ้นชื่อว่ามีความเข้มแข็งตลอดห่วงโซ่อุปทาน ทว่า การผลิตทั้งต้นน้ำและกลางน้ำส่วนใหญ่ยังคงเน้นหนักไปที่สินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มต่ำ ดังนั้นในปัจจุบันที่ความต้องการอุปกรณ์การแพทย์คุณภาพสูงขยายตัวขึ้นจากการเข้ามาของเทคโนโลยีการรักษาด้านหัตถการขยายหลอดเลือดหรือการผ่าตัดแผลเล็กที่มีราคาต่ำลง การเข้าถึงการรักษาได้ง่ายขึ้นและเริ่มเป็นที่ไว้วางใจจากผู้ป่วย อย่างไรก็ดี ท่ามกลางกระแสรักษ์สิ่งแวดล้อมที่จะทำให้การบริโภคพลาสติกของโลกลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้การยกระดับคุณภาพพลาสติกไทยที่มุ่งไปที่การผลิตเม็ดพลาสติกเกรดการแพทย์ในประเทศจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดโอกาสทางธุรกิจต่อผู้ประกอบการทั้งผู้ผลิตเม็ดพลาสติกและผู้ขึ้นรูปผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ในอนาคต
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า มูลค่าตลาดสายสวนในประเทศในปี 2571 จะมีมูลค่า 237.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อัตราเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ร้อยละ 16 ด้วยปัจจัยสนับสนุนภายในประเทศไม่ว่าจะเป็นการก้าวเข้าสู่ Aging Society หรือนโยบายภาครัฐในการส่งเสริม Medical Hub ในขณะเดียวกันที่การพัฒนาเม็ดพลาสติกเกรดการแพทย์ในประเทศเกิดขึ้นนั้นยิ่งเป็นการส่งเสริมให้ผู้ผลิตอุปกรณ์การแพทย์สามารถยกระดับการผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้า ลดการสูญเสียเงินตราต่างประเทศและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจในตลาดส่งออกที่มีศักยภาพ
อย่างไรก็ดี เบื้องต้นขนาดตลาดผลิตภัณฑ์สายสวนคุณภาพสูงในประเทศอาจจะยังไม่ทำให้เกิดความได้เปรียบในแข่งขันจากการประหยัดจากขนาด (Economies of Scale) ได้ ดังนั้น ผู้ผลิตเม็ดพลาสติกต้นน้ำและผู้ขึ้นรูปผลิตภัณฑ์ควรมองหาโอกาสจากตลาดส่งออกสู่ตลาดศักยภาพสูงเช่น ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ ที่มีแนวโน้มความต้องการเพิ่มขึ้นจากการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในการรักษา ซึ่งผู้ผลิตเม็ดพลาสติกควรหาพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี หรือการร่วมวิจัยเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีประสิทธิภาพสูงและปรับตัวได้ตามความต้องการตลาดที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา อีกทั้ง ผู้ประกอบการผลิตขึ้นรูปผลิตภัณฑ์ก็ควรจับตาดูความต้องการของตลาดเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและพัฒนาศักยภาพตลอดเวลาโดยเฉพาะเรื่องมาตรฐานตลอดกระบวนการผลิต พร้อมทั้งหาพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศที่มีความต้องการผลิตภัณฑ์สูงเพื่อลดความเสี่ยงในการผลิต
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น