ตลาดยุโรปนับเป็นตลาดสำคัญหนึ่งของการส่งออกรถปิกอัพไทย อย่างไรก็ตาม การทวีความเข้มข้นขึ้นของมาตรการควบคุมด้านสิ่งแวดล้อมในกลุ่มรถเพื่อการพาณิชย์ ทำให้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ในอนาคตอันใกล้รถปิกอัพที่จะขายในสหภาพยุโรปต้องมีการพัฒนาขึ้นเป็นรถปิกอัพไฮบริดอย่างไม่อาจเลี่ยง ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีตั้งฐานการผลิตรถปิกอัพไฮบริดขนาดกลางซึ่งเป็นที่นิยมในตลาดยุโรปที่ประเทศใด จึงเป็นโอกาสของไทยที่มีความพร้อมในด้านต่างๆครบถ้วน ในการที่จะดึงดูดการลงทุนผลิตรถประเภทดังกล่าวมาที่ไทย ซึ่งต้องอาศัยการสนับสนุนส่งเสริมจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การผลิตรถปิกอัพไฮบริดเกิด Economies of Scale ได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ ยังต้องมีการเร่งเจรจาการค้าเสรีกับกลุ่มสหภาพยุโรปให้เกิดขึ้นโดยเร็ว เพื่อช่วงชิงโอกาสในการเป็นฐานการผลิตรถปิกอัพไฮบริดให้ได้ก่อนแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญในการผลิตปิกอัพส่งออกไปยังยุโรป
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า หากปัจจัยทุกอย่างเอื้ออำนวย ทั้งการตอบรับที่ดีของตลาดในประเทศจากมาตรการสนับสนุนของภาครัฐ ความสำเร็จของการเจรจาการค้าเสรีกับสหภาพยุโรปในระยะอันใกล้ และการพัฒนาเทคโนโลยีรถปิกอัพที่ไม่ก้าวกระโดดไปสู่ประเภทใช้แบตเตอรี่เพียงอย่างเดียวรวดเร็วนัก ในระยะไม่เกิน 5 ปีข้างหน้า รถปิกอัพจากไทยจะมีโอกาสขยับสัดส่วนในตลาดยุโรปไปเป็นร้อยละ 30 ถึง 37 เพิ่มขึ้นจากระดับปัจจุบันที่มีสัดส่วนกว่าร้อยละ 20 ของตลาดรถปิกอัพรวมในยุโรป ทำให้มูลค่าการส่งออกรถปิกอัพของไทยมีโอกาสที่จะเพิ่มขึ้นไปสู่ระดับ 1,300 ถึง 1600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวขึ้นมากกว่าร้อยละ 47 ถึง 81 จากปี 2562 นี้ที่คาดว่าไทยจะส่งออกรถปิกอัพไปยุโรปได้เป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 884 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น