ตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดเดือนพฤศจิกายน 2551 ที่รายงานโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) บ่งชี้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้นถึงภาวะที่เปราะบางของเศรษฐกิจไทยในทุกภาคเศรษฐกิจ โดยแม้ว่าจะมีปัจจัยบวกจากแรงกดดันเงินเฟ้อที่ผ่อนคลายลงอย่างชัดเจน แต่ความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพการเมืองในประเทศ และแนวโน้มถดถอยของเศรษฐกิจทั่วโลก ได้ส่งผลทำให้การบริโภคภาคเอกชนพลิกกลับมาหดตัวลงพร้อมๆ กับการถดถอยลงของความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ส่วนการลงทุนภาคเอกชนและความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ การผลิตภาคอุตสาหกรรม และการส่งออก หดตัวลงอย่างรุนแรงที่สุดในรอบ 6-7 ปี ที่ผ่านมา
การใช้จ่ายของภาคเอกชน ... ชะลอลงทั้งการบริโภคและการลงทุน
การผลิต ... ภาคอุตสาหกรรมหดตัวครั้งแรกในรอบเกือบ 7 ปี
ภาคต่างประเทศ ... ส่งออกหดตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปีครึ่ง
-
ทั้งนี้ การส่งออกที่หดตัวลงอย่างมาก ได้ส่งผลให้ดุลการค้ายังคงบันทึกยอดขาดดุลอีก 895.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในเดือนพ.ย. ต่อเนื่องจากที่ขาดดุล 964.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในเดือนต.ค. และเมื่อรวมยอดขาดดุลการค้าเข้ากับดุลบริการฯ ซึ่งบันทึกยอดขาดดุล 39.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในเดือนพ.ย. ได้ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดยังคงบันทึกยอดขาดดุลต่อเนื่องอีก 934.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในเดือนพ.ย. หลังจากที่ขาดดุล 1,127.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในเดือนต.ค.
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ปัจจัยการเมืองในประเทศยังคงเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องจับตาในระยะถัดไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ในยามที่การส่งออกของไทยยังคงเผชิญกับความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก ซึ่งเมื่อพิจารณาสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและปัจจัยต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศแล้ว ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า เศรษฐกิจไทยอาจต้องเผชิญกับภาวะถดถอยทางเทคนิค [มี GDP หดตัวลง/ติดลบเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (Seasonally adjusted QoQ) ติดต่อกัน 2 ไตรมาสขึ้นไป] ตั้งแต่ในช่วงไตรมาส 4/2551 ถึงไตรมาส 1/2552 โดยคาดว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/2551 อาจหดตัวลงร้อยละ 1.4 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (Seasonally adjusted QoQ) และเมื่อประกอบภาพความซบเซาทางเศรษฐกิจ เข้ากับแนวโน้มการชะลอลง/ติดลบของอัตราเงินเฟ้อ ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่า ธปท.อาจมีความจำเป็นต้องดำเนินนโยบายการเงินไปในเชิงที่ผ่อนคลายลงอีกในระยะถัดไป โดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของปี 2552
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น