Display mode (Doesn't show in master page preview)

1 เมษายน 2552

เศรษฐกิจไทย

อัตราเงินเฟ้อติดลบติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ... แนวโน้มคาดว่าจะยังติดลบรุนแรงขึ้นตลอดช่วงไตรมาสที่ 2/2552 (มองเศรษฐกิจฉบับที่ 2473)

คะแนนเฉลี่ย

ในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ประกาศตัวเลขเงินเฟ้อของเดือนมีนาคม 2552 โดยมีประเด็นสำคัญ ต่อไปนี้

§ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนมีนาคม 2552 ลดลงร้อยละ 0.2 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (Year-on-Year) เท่ากับที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้คาดการณ์ไว้ โดยเป็นการติดลบติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 จากที่ลดลงร้อยละ 0.1 (YoY) ในเดือนกุมภาพันธ์ อย่างไรก็ตาม ระดับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 จากเดือนกุมภาพันธ์ (Month-on-Month) ที่สำคัญเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก รวมทั้งมีผลของราคาอาหารสดที่ปรับตัวสูงขึ้น ในด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในเดือนนี้อยู่ที่ร้อยละ 1.5 (YoY) ต่ำลงจากร้อยละ 1.8 ในเดือนก่อนหน้า สำหรับในช่วงไตรมาสที่ 1/2552 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณร้อยละ 0.3 และร้อยละ 1.7 ตามลำดับ ลดลงจากร้อยละ 2.2 และร้อยละ 2.0 ในไตรมาสที่ 4/2551

§ อัตราเงินเฟ้อที่ติดลบดังกล่าวอาจเป็นสิ่งที่สะท้อนกำลังซื้อที่อ่อนแอลง แม้ว่าตัวเลขเงินเฟ้อที่ติดลบนี้ ในด้านหนึ่งจะเป็นผลมาจากปัจจัยด้านอุปทานที่ได้รับอิทธิพลจากราคาน้ำมันและราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ แต่อีกด้านหนึ่งก็อาจสะท้อนความอ่อนแอของอุปสงค์ ที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคโดยรวมหดตัวลง ตามภาวะการว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้นและผู้บริโภคบางกลุ่มมีรายได้ลดลง ดังที่เห็นได้จากดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนของเดือนกุมภาพันธ์ ที่รายงานโดยธนาคารแห่งประเทศไทย หดตัวลงถึงร้อยละ 7.1 จากที่หดตัวร้อยละ 4.0 ในเดือนมกราคม และขยายตัวร้อยละ 3.5 ในปี 2551

§ สำหรับแนวโน้มราคาสินค้าในเดือนถัดๆ ไป คาดว่าจะยังคงมีแรงผลักดันจากราคาสินค้าอาหารสดและพลังงานที่มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น โดยในด้านราคาอาหารสด สภาพอากาศที่ร้อนจัดอาจสร้างความเสียหายให้แก่พืชผลทางการเกษตร ส่วนราคาพลังงานอาจมีทิศทางที่ผันแปรตามภาวะราคาน้ำมันในตลาดโลก ซึ่งทิศทางราคาสินค้าโภคภัณฑ์และสถานการณ์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศหลักๆ โดยเฉพาะสหรัฐฯ และจีน เป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตา โดยแม้ว่าขณะนี้มีการมองว่าเครื่องชี้เศรษฐกิจบางรายการของสหรัฐฯ ที่ปรับตัวดีขึ้นนั้นส่วนใหญ่เป็นเพียงสัญญาณที่ชี้ว่าภาคการเงินของสหรัฐฯ เริ่มเคลื่อนตัวไปสู่ความมีเสถียรภาพมากขึ้น ซึ่งหลายฝ่ายยังไม่ปักใจเชื่อว่าสัญญาณเหล่านี้จะเชื่อมโยงไปสู่การฟื้นตัวในภาคเศรษฐกิจจริงในเวลาอันใกล้นี้ แต่อย่างไรก็ตาม ราคาและธุรกรรมในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ของโลกในขณะนี้มีความสัมพันธ์สูงอย่างมากกับทิศทางตลาดการเงิน ดังนั้น การฟื้นตัวของภาคการเงินจึงอาจเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะน้ำมัน ค่อยๆ ขยับขึ้นได้แม้ว่าอุปสงค์ต่อสินค้าเหล่านั้นจะยังไม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญก็ตาม

§ อย่างไรก็ดี ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า (YoY) อาจจะยังคงมีตัวเลขติดลบที่รุนแรงขึ้นในช่วงเดือนเมษายนไปจนถึงเดือนกรกฏาคม เนื่องจากผลของฐานเปรียบเทียบที่สูงอย่างมากในปีก่อน สำหรับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานคาดว่าจะมีทิศทางชะลอลงต่อเนื่องในเดือนต่อๆ ไป โดยมีโอกาสที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะติดลบบางเดือนในช่วงกลางปีศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า อัตราเงินเฟ้อตลอดทั้งปี 2552 อาจจะมีค่าเฉลี่ยอยู่ในช่วงลดลงร้อยละ 1.0 ถึงเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ซึ่งเป็นอัตราที่ลดลงจากร้อยละ 5.5 ในปี 2551 ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในปี 2552 จะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 0.0-1.0 ลดลงจากร้อยละ 2.4 ในปี 2551

เครื่องชี้เศรษฐกิจล่าสุดบ่งชี้การทรุดตัวลงรุนแรงมากขึ้นของการส่งออก การบริโภคและการลงทุน อีกทั้งสถานการณ์ทางการเมืองที่ร้อนแรงขึ้น จะยิ่งกดดันอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยให้ถดถอยลงลึกยิ่งขึ้นไปอีก ดังนั้น สภาวะเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่องนี้ น่าจะเป็นปัจจัยที่เอื้ออำนวยให้ทางการยังสามารถใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายลงได้อีก เพื่อเสริมกับมาตรการทางการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ดูรายละเอียดฉบับเต็ม


เศรษฐกิจไทย