ตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดเดือนเมษายน 2552 ที่รายงานโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในภาพรวมสะท้อนให้เห็นว่า การใช้จ่ายในประเทศทั้งทางด้านการลงทุนและการบริโภคยังคงหดตัวตามสภาวะซบเซาของเศรษฐกิจในประเทศ และบรรยากาศที่กดดันในเดือนเม.ย. ขณะที่ การส่งออกที่หดตัวมากขึ้นได้ส่งผลให้ดุลการค้าบันทึกยอดเกินดุลที่ลดลง อย่างไรก็ตาม เริ่มมีความต่อเนื่องของสัญญาณเชิงบวกจากการผลิตภาคอุตสาหกรรม ซึ่งดิ่งลงในอัตราที่ลดลง 4 เดือนติดต่อกัน
ทั้งนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดเดือนเมษายน 2552 ของธปท.แสดงถึงความอ่อนแอของการใช้จ่ายในประเทศ ซึ่งยังคงรอแรงสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและสภาวะที่ผ่อนคลายของระบบการเงินในประเทศ ในขณะที่การรักษาเสถียรภาพของค่าเงินบาทให้ปรับตัวสอดคล้องกับสกุลเงินในภูมิภาคยังคงมีความจำเป็นต่อภาคส่งออกของไทย เนื่องจากสัญญาณเชิงบวกจากเศรษฐกิจในต่างประเทศที่เป็นคู่ค้าหลักของไทยนั้น ไม่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะฉุดให้การส่งออกกลับมามีทิศทางที่สดใสมากขึ้น
แม้ว่าในช่วงเดือนถัดๆ ไปอาจจะเริ่มมีสัญญาณเชิงบวกจากเครื่องชี้เศรษฐกิจบางตัว โดยเฉพาะส่วนที่อาจมีความเกี่ยวโยงกับการใช้จ่ายของภาครัฐจากแรงกระตุ้นของนโยบายเศรษฐกิจ และ/หรือการเพิ่มระดับการผลิตและการใช้จ่ายของภาคเอกชน ทยอยกลับเข้ามาช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศ แต่เครื่องชี้ที่บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเหล่านั้น ยังคงต้องถูกประเมินอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องความเพียงพอของแรงกระตุ้นของสัญญาณบวกเหล่านั้นต่อเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะถัดไป
ในขณะที่ เสถียรภาพทางการเมืองและความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจในประเทศ ตลอดจนความไม่แน่นอนของช่วงจังหวะเวลาการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญของเศรษฐกิจต่างประเทศ ก็เป็นตัวแปรสำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดเช่นเดียวกัน ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินภาพในเบื้องต้นว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 2/2552 อาจยังคงหดตัวลงอย่างต่อเนื่องแต่จะมีความรุนแรงน้อยกว่าการหดตัวที่เกิดขึ้นในไตรมาส 1/2552 โดยคาดการณ์อัตราการหดตัวของเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2/2552 ไว้ในกรอบติดลบร้อยละ 5.6-7.0 เทียบกับที่หดตัวสูงถึงร้อยละ 7.1 ในไตรมาส 1/2552 ซึ่งนับเป็นอัตราการหดตัวที่สูงที่สุดในรอบ 10 ปี
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น