Display mode (Doesn't show in master page preview)

2 กันยายน 2552

เศรษฐกิจไทย

เงินเฟ้อไตรมาสแรกของปี 2553: น่าจะกลับเข้าสู่กรอบเงินเฟ้อของ ธปท. (0.5-3.0%) (มองเศรษฐกิจฉบับที่ 2620)

คะแนนเฉลี่ย

ลังจากที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีแนวคิดในการปรับกรอบเงินเฟ้อเป้าหมายมาตั้งแต่ปลายปี 2551 ในที่สุดคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็มีมติเห็นชอบกรอบอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานกรอบใหม่ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธปท. ที่ร้อยละ 0.5-3.0 จากเดิมที่ร้อยละ 0-3.5 โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 กันยายน 2552 เป็นต้นไป ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ประเทศไทยได้เริ่มใช้กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ (Inflation Targeting) ในการดำเนินนโยบายการเงิน ขณะที่ การกำหนดกรอบเงินเฟ้อใหม่ให้แคบลงกว่าเดิมร้อยละ 1.0 นั้น หวังผลในการดูแลให้การคาดการณ์เงินเฟ้อระยะยาวไม่ผันผวนจนเกินไป และมีความใกล้เคียงกับขนาดช่วงเป้าหมายเงินเฟ้อของประเทศอื่นๆ มากขึ้น

ทั้งนี้ แม้กรอบเงินเฟ้อใหม่ดังกล่าว จะสะท้อนถึงข้อผูกมัดและความตั้งใจ (Commitment) ของทางการในการดูแลเป้าหมายเสถียรภาพด้านราคา (Price Stability) ที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งน่าจะช่วยทำให้สามารถรับมือและดูแลคาดการณ์เงินเฟ้อจากฝั่งของนักลงทุนและภาคเอกชนได้ดียิ่งขึ้น อันจะมีผลส่งเสริมเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในภาพรวม ขณะที่ยังคงความยืดหยุ่นของการตัดสินใจเชิงนโยบายเอาไว้

ดังจะเห็นได้จากช่วงการเคลื่อนไหวของเงินเฟ้อที่ยังมีระยะห่างพอสมควร แต่ในช่วงอีกหลายเดือนข้างหน้า ผู้กำหนดนโยบายอาจต้องเผชิญความท้าทายเฉพาะหน้าจากปัญหาเงินเฟ้อพื้นฐานรายไตรมาส ที่อาจยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าขีดล่างของกรอบเงินเฟ้อใหม่ไปจนถึงช่วงประมาณไตรมาส 4/2552 โดยสถานการณ์ดังกล่าว อาจกลายเป็นโจทย์ย้อนกลับมายังผู้กำหนดนโยบายที่จะต้องอธิบายและชี้แจงต่อตลาดเงิน

อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า หากเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวขึ้นตามคาดในช่วงครึ่งหลังของปี 2552 ต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้าแล้ว เงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ยรายไตรมาสคงจะค่อยๆ ทยอยขยับขึ้นมายืนเหนือระดับร้อยละ 0.5 ซึ่งเป็นกรอบล่างของเป้าหมายเงินเฟ้อใหม่ ได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/2553 เป็นต้นไป ทำให้ประเด็นการหลุดกรอบล่างของเป้าหมายเงินเฟ้อดังกล่าว น่าจะเป็นประเด็นในระยะสั้นๆ เท่านั้น

ดูรายละเอียดฉบับเต็ม


เศรษฐกิจไทย