จากตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่มีการรายงานโดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พบว่า แม้จีดีพีในไตรมาสที่ 3/2552 ยังคงขยายตัวต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 2 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (Seasonally Adjusted Quarter-on-Quarter) แต่เป็นอัตราการขยายตัวที่ชะลอลง จากร้อยละ 2.2 ในไตรมาสที่ 2/2552 และต่ำกว่าที่หลายฝ่ายคาด โดยเป็นผลมาจากการชะลอตัวของการใช้จ่ายของผู้บริโภคภายในประเทศ การบริโภคของรัฐบาล การลงทุน และการลดลงของระดับสินค้าคงคลัง ซึ่งการที่ธุรกิจยังชะลอที่จะสะสมสินค้าคลัง อาจสะท้อนว่าธุรกิจยังคงมีท่าทีที่ระมัดระวังต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
สำหรับจีดีพีที่เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (Year-on-Year) หดตัวในอัตราที่ชะลอลงมาที่ร้อยละ 2.8 จากที่หดตัวร้อยละ 4.8 ในไตรมาสที่ 2/2552 ซึ่งดีกว่าที่หลายฝ่ายคาด แต่เป็นที่สังเกตว่า ตัวเลขที่ดีกว่าที่คาดดังกล่าวส่วนหนึ่งเป็นผลจากการที่ สศช. มีการปรับปรุงฐานข้อมูลย้อนหลังไปถึงปี 2549 ทำให้ตัวเลขจีดีพีในปี 2551 ลดลงต่ำกว่าการรายงานในครั้งก่อน
สำหรับแนวโน้มในระยะต่อไป ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า เศรษฐกิจไทยยังคงมีทิศทางปรับตัวดีขึ้น แต่มีโอกาสที่จีดีพีในไตรมาสที่ 4/2552 จะฟื้นตัวในอัตราที่ชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ, SA) และการฟื้นตัวในระยะข้างหน้ายังคงมีปัจจัยเสี่ยงหลายด้าน โดยภาพรวม แม้เศรษฐกิจจะมีปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก การปรับตัวสูงขึ้นของราคาสินค้าเกษตร ประกอบกับแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไทย แต่ทิศทางข้างหน้ายังมีความไม่แน่นอน โดยในด้านเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจของประเทศพัฒนาแล้วยังมีความเปราะบาง จากปัญหาการว่างงานสูงและความอ่อนแอของภาคการบริโภค
ซึ่งอาจนำไปสู่การชะลอตัวของเศรษฐกิจเมื่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ทางการของแต่ละประเทศนำออกมาใช้ เริ่มหมดไป ขณะที่เศรษฐกิจเกิดใหม่ในเอเชีย ที่เป็นความหวังว่าจะเป็นแกนนำในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกนั้น ยังเผชิญความเสี่ยงต่อโอกาสที่จะเกิดเงินเฟ้อสูง และการก่อตัวของฟองสบู่ในสินทรัพย์ สำหรับปัญหาการเมืองในประเทศ ยังคงเป็นความเสี่ยงหลักต่อการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของภาคเอกชน และการผลักดันนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล นอกจากนี้ การลงทุนในกิจการหลายประเภทเผชิญข้อติดขัดจากความไม่ชัดเจนของกฎหมายและหลักเกณฑ์ในการลงทุน ซึ่งอาจมีผลต่อมูลค่าการลงทุนโดยรวม
การปรับปรุงข้อมูลจีดีพีย้อนหลังของ สศช. มีผลทำให้ประมาณการเศรษฐกิจของ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า จีดีพีในไตรมาสที่ 4/2552 ที่ปรับฤดูกาลแล้ว อาจมีระดับค่อนข้างใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ, SA ใกล้เคียงร้อยละ 0) ขณะที่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จีดีพีจะกลับมาขยายตัวเป็นบวกเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ไตรมาส ที่ประมาณร้อยละ 2.3 (YoY) ส่งผลให้จีดีพีในปี 2552 อาจหดตัวร้อยละ 3.1 (จากเดิมคาดว่าหดตัวร้อยละ 3.3) แต่คาดว่าในปี 2553 จะกลับมาขยายตัวได้ในระดับปานกลาง ที่ประมาณร้อยละ 3.0 โดยมีช่วงกรอบประมาณการอยู่ระหว่างร้อยละ 2.5-3.5
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชนในปี 2553 อาจยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ บทบาทของการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล จึงนับว่ามีความสำคัญยิ่ง โดยเฉพาะการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2553 และงบภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ซึ่งนอกจากความรวดเร็วแล้ว ยังต้องมีการบริหารจัดการและดูแลการใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เม็ดเงินไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจตามวัตถุประสงค์ได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย เพื่อให้เกิดผลในการกระตุ้นการเติบโตของภาคการผลิต การลงทุน การจ้างงาน และการบริโภคของภาคเอกชนตามมา ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญต่อการเสริมสร้างพื้นฐานที่เข้มแข็งขึ้นให้แก่ภาคเอกชน เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนนั้นจะไม่อาจเกิดขึ้นได้หากกิจกรรมเศรษฐกิจในภาคเอกชนยังอ่อนแอ
หน่วย : % YoY ยกเว้นระบุ | 2551 | 2552 | 2553 |
อัตราการขยายตัวของจีดีพี | 2.5 | -3.1 | 2.5-3.5 |
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (ดอลลาร์ฯ/บาร์เรล) | 97.1 | 62.0 | 75.0-85.0 |
การบริโภคของภาคเอกชน | 2.7 | -1.3 | 1.2-2.3 |
การลงทุน | 1.2 | -7.7 | 3.2-6.0 |
การขาดดุลงบประมาณ (% ของจีดีพี) | -1.0 | -5.8 | -4.5 to -3.5 |
การส่งออก | 15.9 | -13.9 | 9.0-12.0 |
การนำเข้า | 26.5 | -26.5 | 19.0-23.0 |
ดุลการค้า (พันล้านดอลลาร์ฯ) | 0.1 | 22.2 | 9.0-12.3 |
ดุลบัญชีเดินสะพัด (พันล้านดอลลาร์ฯ) | 1.6 | 21.6 | 10.0-13.1 |
อัตราเงินเฟ้อทั่วไป | 5.5 | -0.9 | 3.0-5.0 |
อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน | 2.4 | 0.3 | 1.5-2.5 |
จำนวนผู้ว่างงาน (พันคน) | 514 | 603 | 530-590 |
อัตราการว่างงาน | 1.4 | 1.6 | 1.4-1.5 |
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น