Display mode (Doesn't show in master page preview)

18 กุมภาพันธ์ 2553

เศรษฐกิจไทย

แนวโน้มการลงทุนจากต่างประเทศ.. ไทยต้องเร่งฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุน (มองเศรษฐกิจฉบับที่ 2763)

คะแนนเฉลี่ย

แม้ว่าจากการจัดอันดับของหลายสถาบัน ความสามารถในการแข่งขันของไทยจะยังมีอันดับที่ไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มประเทศในภูมิภาค อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากปัญหาการเมืองและการลงทุนในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ความน่าดึงดูดในการลงทุนของไทยในสายตาของนักลงทุนต่างชาตินั้นอาจลดลงไป ทำให้ในอนาคตไทยจะต้องแข่งขันกับชาติอื่นๆ มากขึ้นในการชักจูงนักลงทุนจากต่างประเทศให้เข้ามาลงทุน

ท่ามกลางปัจจัยที่บั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนไม่เพียงแต่กลุ่มที่ไม่เคยเข้ามาลงทุนในไทยมาก่อนเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงนักลงทุนรายเดิมซึ่งคุ้นเคยกับประเทศไทยดีอย่างนักลงทุนญี่ปุ่น ซึ่งก็ยังแสดงท่าทีชัดเจนถึงความกังวลต่อสถานการณ์ในประเทศไทย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า สิ่งเร่งด่วนที่ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรต้องเร่งดำเนินการ คือ การประชาสัมพันธ์และการสื่อสารที่ดีต่อกลุ่มนักลงทุน หอการค้าต่างประเทศ และสื่อต่างประเทศ ควบคู่ไปกับการแก้ปัญหา น่าจะช่วยฟื้นฟูภาพลักษณ์ของประเทศได้ในส่วนหนึ่ง โดยสำหรับกรณีปัญหามาบตาพุดอาจต้องใช้เวลาในการแก้ไขตามกระบวนการ แต่สิ่งสำคัญนอกเหนือจากนั้น คือ ภาครัฐต้องเร่งเข้าไปให้ความช่วยเหลือ ชี้แจงข้อมูลเพื่อให้นักลงทุนมีความมั่นใจว่ารัฐบาลให้การใส่ใจดูแลและคุ้มครองกิจการที่เข้ามาลงทุนในประเทศอย่างเหมาะสม สำหรับข้อกังวลเรื่องสถานการณ์ทางการเมืองซึ่งยังมีความอ่อนไหว รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องมีการเตรียมพร้อมเพื่อป้องกัน และต้องมีการเตรียมแผนสำรองเพื่อรับมือหากเกิดเหตุการณ์เช่นการปิดสนามบินและท่าเรือ

ในปัจจุบัน การเปิดตลาดการค้าเสรีในภูมิภาคอาเซียน จะส่งผลให้บริษัทข้ามชาติสามารถลงทุนตั้งฐานการผลิตในประเทศใดประเทศหนึ่งเพื่อส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ ในอาเซียนได้ ไทยจึงต้องเร่งเสริมความน่าดึงดูด และฟื้นสถานะการเป็นประเทศเป้าหมายหลักของการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน ก่อนที่นักลงทุนจะตัดสินใจเปลี่ยนไปลงทุนในประเทศอื่นแทน

ดูรายละเอียดฉบับเต็ม


เศรษฐกิจไทย