ภาพรวมตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดเดือนพฤษภาคม 2553 ที่รายงานโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สะท้อนถึง ผลกระทบที่เบาบางลงของปัจจัยทางการเมืองที่มีต่อการใช้จ่ายภายในประเทศ (อัตราการหดตัวของการบริโภคภาคเอกชนน้อยลงจากเดือนก่อนหน้า ขณะที่ การลงทุนยังคงขยายตัวได้ต่อเนื่อง) แต่สร้างแรงกดดันที่มากขึ้นต่อภาคการท่องเที่ยว (จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงร้อยละ 27.5 จากเดือนก่อนหน้า) และการผลิตภาคอุตสาหกรรม (หดตัวร้อยละ 3.9 จากเดือนก่อนหน้า) อย่างไรก็ดี การขยายตัวของภาคการส่งออกยังคงมีสัญญาณแข็งแกร่งกว่าที่คาด และทำให้ดุลการค้าสามารถพลิกกลับมาบันทึกยอดเกินดุล 2.3 พันล้านดอลลาร์ฯ ในเดือนพฤษภาคม หลังจากที่ขาดดุล 190.4 ล้านดอลลาร์ฯ ในเดือนเมษายน

คงต้องยอมรับว่า พัฒนาการที่ดีขึ้นของเครื่องชี้เศรษฐกิจไทยในเดือนพฤษภาคมดังกล่าว และการขยายอย่างตัวแข็งแกร่งของภาคการส่งออกในช่วงที่ผ่านมา เป็นสัญญาณเชิงบวกที่ดีกว่าที่ประเมินไว้ในช่วงหน้า และทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2/2553 อาจมีอัตราการหดตัวอยู่ในกรอบประมาณร้อยละ 3.3-3.7 จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ, s.a.)
ซึ่งดีขึ้นเมื่อเทียบกับประมาณการเบื้องต้นที่คาดว่าจะหดตัวลงถึงร้อยละ 5.0 สำหรับภาพรวมในปี 2553 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ปรับประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2553 ขึ้นเป็นร้อยละ 4.0-6.0 จากเดิมที่ร้อยละ 2.6-4.5 เนื่องจาก การขยายตัวสูงของเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 1/2553 และภาคการส่งออกในช่วงครึ่งแรกของปี ขณะที่ คาดว่า เม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐจะถูกผลักดันออกมาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้ ภายหลังจากที่ความเสี่ยงทางการเมืองได้ลดระดับลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี คงต้องจับตาความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจต่างประเทศ โดยเฉพาะเศรษฐกิจในกลุ่ม G-3 และจีน ที่อาจกดดันให้ภาคการส่งออกของไทยขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงในช่วงครึ่งหลังของปี
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น