ภาพรวมตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดเดือนมิถุนายน 2553 ที่รายงานโดยธปท. สะท้อนถึง ผลกระทบทางการเมืองที่มีต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทยในระดับที่เบาบางลง โดยการใช้จ่ายภายในประเทศทั้งการบริโภค-การลงทุนภาคเอกชน รวมถึงการผลิตภาคอุตสาหกรรม ขยายตัวได้พร้อมกันอย่างแข็งแกร่ง เช่นเดียวกับภาคการส่งออกของไทยที่ทุบสถิติด้วยมูลค่าที่สูงเป็นประวัติการณ์ และทำให้ไทยบันทึกยอดเกินดุลการค้าในระดับที่สูงถึง 2.5 พันล้านดอลลาร์ฯ กระนั้นก็ดี รายได้จากการท่องเที่ยวที่ยังไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาได้อย่างเต็มที่ และการส่งกลับผลประโยชน์จากการลงทุนออกนอกประเทศ ได้ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดบันทึกยอดเกินดุลในระดับที่ต่ำกว่าเพียง 0.68 พันล้านดอลลาร์ฯ
จากการพิจารณาภาพรวมของเครื่องชี้เศรษฐกิจไทยในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2553 พบว่า เครื่องชี้ส่วนใหญ่สะท้อนผลกระทบทางการเมืองที่มีต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในระดับที่ค่อนข้างจำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องชี้ในส่วนของการใช้จ่ายภายในประเทศทั้งทางด้านการบริโภคและการลงทุน ตลอดจนความเชื่อมั่นของภาคเอกชน ที่ทยอยฟื้นตัวขึ้นหลังจากที่ได้รับผลกระทบในช่วงสั้นๆ 1-2 เดือนก่อนหน้าที่มีการชุมนุมทางการเมืองในประเทศ ส่วนภาคการส่งออกก็ยังคงมีทิศทางที่สดใสสอดคล้องกันกับเส้นทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า และอานิสงส์จากกรอบการค้าเสรีหลายกรอบ
ทั้งนี้ เมื่อประกอบภาพของความแข็งแกร่งของการใช้จ่ายภายในประเทศ เข้ากับการขยายตัวสูงของภาคการส่งออกทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า เศรษฐกิจไทยสะท้อนสัญญาณในเชิงบวกได้มากกว่าที่คาดในช่วงไตรมาสที่ 2/2553 แม้ว่าบางภาคเศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบจากปัญหาทางการเมืองในประเทศค่อนข้างรุนแรงในช่วงเดือนแรกๆ ของไตรมาสก็ตาม ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ในเบื้องต้นว่า เศรษฐกิจไทยอาจขยายตัวได้สูงกว่าร้อยละ 7.0 ในช่วงไตรมาสที่ 2/2553 ซึ่งสูงกว่ากรอบบนของประมาณการเดิมที่ร้อยละ 5.5-6.0 อย่างไรก็ดี ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังคงมุมมองเช่นเดิมว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงในช่วงครึ่งหลังของปี ซึ่งก็เป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกับแนวโน้มทางเศรษฐกิจของประเทศในแกนหลักของโลก และประเทศส่วนใหญ่ในแถบเอเชีย ซึ่งก็น่าจะทำให้ต้องจับตาทิศทางของภาคการส่งออกของไทยในช่วงครึ่งปีหลังอย่างใกล้ชิดต่อไป
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น