ภาพรวมตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดเดือนกรกฎาคม 2553 ที่รายงานโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สะท้อนถึงทิศทางที่หักล้างกันระหว่างการพลิกกลับไปหดตัวลงอีกครั้งของการบริโภคภาคเอกชน และการผลิตภาคอุตสาหกรรม สวนทางกับการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการลงทุนภาคเอกชน และการฟื้นตัวขึ้นของภาคการท่องเที่ยว สำหรับภาคต่างประเทศนั้น ทิศทางการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และระดับการแข่งขันที่เข้มข้นมากขึ้นจากคู่แข่ง ได้ส่งผลกระทบเชิงลบต่อภาคการส่งออก และฐานะดุลการค้าของไทย ซึ่งพลิกกลับมาบันทึกยอดขาดดุลที่ 791 ล้านดอลลาร์ฯ ในเดือนก.ค. เทียบกับที่เกินดุลสูงถึง 2.5 พันล้านดอลลาร์ฯ ในเดือนมิ.ย.
แม้เครื่องชี้เศรษฐกิจเดือนก.ค.ของไทย จะสามารถรักษาทิศทางการเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนได้ อย่างไรก็ดี อัตราการขยายตัวได้เริ่มชะลอตัวลงในหลายๆ ภาคเศรษฐกิจอย่างพร้อมเพรียงกัน ดังนั้น คงต้องติดตามโมเมนตัมของเครื่องชี้เศรษฐกิจไทยในช่วงหลายเดือนข้างหน้าอย่างใกล้ชิดต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวโน้มการขยับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในประเทศที่อาจส่งผลต่อความต้องการสินค้าคงทน ขณะที่ การสิ้นสุดลงของมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ก็อาจจะทำให้การใช้จ่ายภายในประเทศที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัยบางส่วนเบาบางลง นอกจากนี้ แนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และทิศทางการแข็งค่าของเงินบาท ก็อาจส่งผลต่อเนื่องให้ภาคการส่งออกของไทยจำต้องเผชิญกับโจทย์ที่ยากลำบากมากขึ้นด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ในเบื้องต้นว่า เศรษฐกิจไทยอาจขยายตัวราวร้อยละ 3.3 (YoY) ในช่วงครึ่งหลังของปี 2553 ซึ่งเป็นอัตราที่ชะลอลงจากที่ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 10.6 ในช่วงครึ่งปีแรก และหากไม่มีเหตุการณ์รุนแรงทางการเมือง และ/หรือเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า เศรษฐกิจไทยน่าที่จะขยายตัวได้ในกรอบประมาณร้อยละ 6.2-6.8 ในปี 2553 ซึ่งเป็นทิศทางที่ดีขึ้นจากที่หดตัวร้อยละ 2.2 ในปี 2552 โดยสัญญาณเชิงบวกทางด้านการลงทุนภายหลังจากความชัดเจนของการแก้ไขปัญหาการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดอาจกลับเข้ามาช่วยผลักดันการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงปลายปี 2553 และต่อเนื่องในปี 2554
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น