แม้เดือนตุลาคม 2553 น่าจะเป็นเดือนที่มีหลากหลายปัจจัยหนุนระดับราคาผู้บริโภคให้เพิ่มสูงขึ้น ทั้งในเรื่องของปัจจัยทางด้านฤดูกาลจากเทศกาลกินเจ และปัจจัยเพิ่มเติมจากการปรับสูงขึ้นของราคาน้ำมันขายปลีก และผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมที่อาจสร้างความเสียหายต่อพื้นที่เพาะปลูกทางการเกษตร อย่างไรก็ดี ดัชนีราคาสินค้าผู้บริโภคทั่วไปในเดือนตุลาคม 2553 ยังคงมีระดับที่ค่อนข้างทรงตัวใกล้เคียงกับเดือนก่อนหน้า เนื่องจากปัญหาอุทกภัยในช่วงครึ่งหลังของเดือนตุลาคม 2553 ยังคงส่งผลไม่ชัดเจนมากนักต่อราคาสินค้าผู้บริโภค และทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปชะลอตัวเกินคาดเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันมาที่ร้อยละ 2.8 (YoY) ในเดือนตุลาคม ต่ำลงจากร้อยละ 3.0 ในเดือนกันยายน ขณะที่ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเดือนตุลาคมทรงตัวอยู่ที่ร้อยละ 1.1 (YoY) เท่ากับในเดือนกันยายน
แม้แรงกดดันเงินเฟ้อในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา จะเร่งตัวที่ช้ากว่าที่คาด และน่าจะทำให้ความกังวลต่อความเสี่ยงของเสถียรภาพทางด้านราคาผ่อนคลายลงไปบางส่วนในช่วงเวลานี้ อย่างไรก็ดี ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า คงจะต้องจับตาทิศทางของราคาสินค้าผู้บริโภคในช่วงเดือนพฤศจิกายน ต่อไปอย่างใกล้ชิด เนื่องจากคาดว่า ผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมที่ขยายวงกว้างออกไป อาจหนุนให้ราคาสินค้าอาหารสดในบางหมวดเร่งตัวสูงขึ้น ขณะที่ ยังคงมีอีกหลากหลายปัจจัยที่รอกำหนดทิศทางของเงินเฟ้อในช่วงปี 2554 อาทิ ต้นทุนการผลิตและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกที่ทยอยปรับเพิ่มสูงขึ้นมาแล้วอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี 2553 ตลอดจนการปรับเพิ่มค่าจ้างแรงงานทั้งในส่วนของภาคเอกชนและเงินเดือนข้าราชการ ซึ่งทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินในเบื้องต้นว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอาจมีค่าอยู่ในกรอบประมาณร้อยละ 2.5-4.0 ในปี 2554 เทียบกับค่าเฉลี่ยปี 2553 ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในช่วงประมาณร้อยละ 3.3-3.6
กระนั้นก็ดี คาดว่า ทางการไทยยังคงมีเครื่องมือเพียงพอที่จะใช้ดูแลความเสี่ยงของเงินเฟ้อในช่วงปีข้างหน้า โดยภาครัฐก็อาจพิจารณาต่ออายุมาตรการบรรเทาค่าครองชีพ และการตรึงราคาพลังงานออกไป ขณะที่ ธปท.ก็ยังคงสามารถกลับมาคุมเข้มนโยบายการเงินด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ หลังจากที่อาจจะพิจารณาคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.75 ตลอดช่วงที่เหลือของปี 2553 เพื่อประเมินความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกที่อาจส่งผลต่อเศรษฐกิจไทย
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น