ภาพรวมตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดเดือนตุลาคม 2553 สะท้อนถึง โมเมนตัมที่อ่อนกำลังลงของเครื่องชี้เศรษฐกิจไทยในหลายภาคส่วน ทั้งการบริโภค (-1.2% MoM) การลงทุน (-0.9% MoM) ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (-0.7% MoM) ผลผลิตสินค้าเกษตร (-2.5% MoM) และการส่งออก (-1.5% MoM) ซึ่งอาจเป็นภาพที่นำไปสู่การโน้มชะลอลงต่อเนื่องของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสสุดท้ายของปี 2553 ที่กำลังเผชิญกับปัจจัยลบรอบด้าน อาทิ ค่าเงินบาท การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ปัญหาอุทกภัย และปัจจัยการเมืองในประเทศ ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินในเบื้องต้นว่า ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/2553 อาจขยายตัวต่ำลงกว่าร้อยละ 2.0 (YoY) ชะลอจากที่ขยายตัวร้อยละ 6.7 ในไตรมาสที่ 3/2553 และอาจทำให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยสำหรับภาพรวมทั้งปี 2553 อยู่ที่ระดับประมาณร้อยละ 7.0 หากปัจจัยเสี่ยงในหลายด้านไม่ผ่อนคลายลงอย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับแนวโน้มของเครื่องชี้เศรษฐกิจสำคัญของไทยในช่วงเดือนข้างหน้า อาจจะยังสะท้อนภาพแรงกดดันที่มีต่อการใช้จ่ายภายในประเทศอันเป็นผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม อย่างไรก็ดี สำหรับภาพรวมของปริมาณการส่งออกนั้น คงต้องจับตาการหักล้างกันระหว่างสัญญาณเชิงบวกจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เกิดขึ้นสวนทางกับสัญญาณเชิงลบจากยูโรโซน ญี่ปุ่น และเอเชียอื่นๆ (รวมทั้งจีน) ขณะที่ ระดับเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นกว่าในช่วงเดียวกันปีก่อน ก็น่าที่จะกดดันราคาและมูลค่าสินค้าส่งออกในรูปเงินบาทของไทยอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ โมเมนตัมของเศรษฐกิจไทยที่มีสัญญาณชะลอตัว และยังอาจเผชิญปัจจัยลบหลายด้านในระยะข้างหน้า น่าที่จะเป็นสถานการณ์ที่ทำให้ทางการไทยยังจำเป็นต้องมุ่งเน้นนโยบายในการประคับประคองการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ตัวแปรทางการเมืองในประเทศก็ยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามต่อไป เพราะนอกจากจะส่งผลต่อความต่อเนื่องในเชิงนโยบายจากการที่อาจจะมีการเลือกตั้งในช่วงต้นปีหน้าแล้ว ก็อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของภาคเอกชนด้วยเช่นกัน โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า อัตราการเติบโตของ GDP น่าจะยังคงอยู่ในทิศทางชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง และอาจมีจุดต่ำสุดอยู่ในช่วงไตรมาสที่ 1/2554 ก่อนที่จะเริ่มมีโมเมนตัมของการขยายตัวกลับมาตั้งแต่ในช่วงไตรมาสที่ 2/2554 เป็นต้นไป โดยอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยสำหรับปี 2554 อาจอยู่ในกรอบประมาณร้อยละ 3.5-4.5
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น