ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า เม็ดเงินสะพัดในช่วงวันวาเลนไทน์ในปี 2554 เฉพาะในกรุงเทพฯ 1,120 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.7 YoY แม้ว่าในปีนี้วันวาเลนไทน์จะตรงกับวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันทำงาน/เรียนหนังสือก็ตาม แต่เม็ดเงินการใช้จ่ายในช่วงวันวาเลนไทน์ก็ยังเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับในปี 2553 ที่วันวาเลนไทน์ตรงกับวันตรุษจีน และตรงกับวันอาทิตย์ เนื่องจากบรรดาผู้ที่ให้ความสำคัญกับวัน วาเลนไทน์จะยังคงให้ความสำคัญกับมอบดอกไม้ ของขวัญ และการทำกิจกรรมต่างๆร่วมกัน
สำหรับการซื้อดอกกุหลาบ ซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในช่วงวันวาเลนไทน์ ตลาดค้าส่งดอกไม้เริ่มคึกคักตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ โดยบรรดาผู้ค้าปลีกดอกไม้เริ่มเข้าไปเลือกสั่งจองดอกกุหลาบล่วงหน้า และหลังจากนี้ราคาดอกกุหลาบจะเริ่มขยับขึ้นรายวัน และราคาจะสูงที่สุดในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ จากการสำรวจตลาดค้าส่งดอกไม้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบว่าในปีนี้ดอกกุหลาบจากจีนยังคงได้รับความนิยมอย่างมากเช่นเดิม เนื่องจากมีความได้เปรียบในเรื่องความสวย และความคงทน และราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับกุหลาบจากเนเธอร์แลนด์
ส่วนการจับจ่ายสินค้าอื่นๆจะอยู่ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้(12-13 กุมภาพันธ์) และยังเป็นโอกาสสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์มีเวลาที่จะทำกิจกรรมอื่นๆร่วมกัน เช่น การรับประทานอาหาร ชมภาพยนตร์ ช็อปปิ้ง เป็นต้น ดังนั้น จึงเป็นโอกาสดีที่บรรดาธุรกิจต่างๆเริ่มมีการโหมโรงกระตุ้นผู้บริโภค ให้มีการจับจ่ายใช้สอยตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ บรรดาผู้ประกอบการต่างหวังเม็ดเงินที่จะสะพัดในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์นี้เป็นอีกเทศกาลหนึ่งที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้นยอดจำหน่าย
ปัจจัยเสี่ยงที่ยังต้องติดตามคือ ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2554 คณะรัฐมนตรีมีมติใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร 7 เขตในพื้นที่กรุงเทพฯ ประกอบด้วย เขตดุสิต เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตปทุมวัน เขตวังทองหลาง เขตทวีวัฒนา เขตราชเทวี และเขตพระนคร เป็นเวลา 15 วัน (ตั้งแต่ 9-23 กุมภาพันธ์) ซึ่ง ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการใช้จ่ายในช่วงวันวาเลนไทน์มากนัก
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น