ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2554 สภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ได้รับหลักการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 หลังจากใช้เวลาอภิปรายในวาระที่ 1 เป็นเวลา 2 วันระหว่างวันที่ 9-10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ขณะที่ การเสร็จสิ้นกระบวนการและการบังคับใช้กฎหมายนี้น่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนมกราคมหรือต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2555 ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เห็นว่า ในกรณีที่เศรษฐกิจโลกให้ภาพที่เลวร้ายลงกว่าที่ประเมิน อาจมีความเป็นไปได้ที่การขาดดุลงบประมาณจริงในปีงบประมาณ 2555 จะสูงกว่า 4 แสนล้านบาทตามกรอบที่วางไว้ อันเป็นผลจากการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลที่อาจทำได้น้อยกว่าคาด ขณะที่ การใช้จ่ายของภาครัฐผ่านโครงการต่างๆ นอกจากงบประมาณแล้ว ยังมาจากแหล่งเงินทุนอื่นร่วมด้วย โดยที่สำคัญคงจะต้องติดตามแผนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อป้องกันภัยพิบัติและเรียกฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุน มูลค่าหลายแสนล้านบาท ซึ่งนอกจากจะมีผลต่อภาวะเศรษฐกิจแล้ว คงจะส่งผลกระทบต่อภาวะสภาพคล่องในระบบอย่างยากจะหลีกเลี่ยง
นอกจากนี้ ประสิทธิภาพการใช้จ่ายของภาครัฐ และเสถียรภาพทางการคลัง เป็นอีกประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยนอกจากเครื่องชี้วัดอย่างการขาดดุลงบประมาณและระดับหนี้สาธารณะต่อจีดีพีแล้ว ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เห็นว่า การประเมินภาพเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว ยังต้องให้ความสำคัญกับผลของการดำเนินการตามโครงการภายใต้แหล่งเงินทุนต่างๆ ของรัฐบาล รวมไปถึงภาระทางการคลังที่เกี่ยวข้องด้วย และท้ายที่สุด แม้เมื่อมองไปในปี 2555 การรักษาแรงส่งทางเศรษฐกิจท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงจากทั้งในและต่างประเทศ ผ่านการดำเนินนโยบายการเงินและการคลังที่ผ่อนคลาย จะเป็นความสำคัญอันดับต้นๆ และดูเสมือนว่าน่าจะสามารถดำเนินการได้โดยไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อประเด็นเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี การใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะจากภาครัฐในโครงการต่างๆ ควรที่จะเป็นการพิจารณาดำเนินการด้วยความรอบคอบและก่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับทุกภาคส่วน โดยเน้นไปเพื่อการรักษาขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศเป็นสำคัญ
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น