อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยในเดือนมกราคม 2555 ยังอยู่ในช่วงผ่อนคลายลงตามทิศทางการปรับตัวลงของราคาสินค้าในหมวดอาหาร-เครื่องดื่ม เป็นสำคัญ อย่างไรก็ดี คงต้องยอมรับว่า ภาพการทยอยปรับสูงขึ้นของราคาสินค้าผู้บริโภคในลักษณะเดือนต่อเดือนยังคงมีอยู่ในเดือนมกราคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ราคาในกลุ่มพลังงาน ค่าไฟฟ้า-ประปา และวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวขึ้นจากช่วงปลายปี 2554 ค่อนข้างมาก ซึ่งก็อาจมีนัยต่อเนื่องมาที่แรงกดดันต่อกำลังซื้อของประชาชน
ทั้งนี้ ระดับราคาสินค้าผู้บริโภคเดือนมกราคม 2555 ขยับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าร้อยละ 0.39 (MoM) นำโดย การปรับขึ้นของราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา อาหารสำเร็จรูป ยานพาหนะและน้ำมันเชื้อเพลิง วัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ทำความสะอาด และของใช้ส่วนบุคคล อย่างไรก็ดี ราคาในหมวดอาหารสดลดลงค่อนข้างมาก เนื่องจากปริมาณผลผลิตที่กลับเข้าสู่ตลาดมากขึ้น หลังสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลายลง อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน อัตราเงินเฟ้อทั่วไปชะลอลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 มาที่ร้อยละ 3.38 (YoY) ในเดือนมกราคม 2555 จากร้อยละ 3.53 (YoY) ในเดือนธันวาคม 2554 โดยเป็นผลมาจากปัจจัยเรื่องฐานการคำนวณเปรียบเทียบเป็นสำคัญ ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานนั้น เพิ่มขึ้นมาที่ร้อยละ 2.75 (YoY) ในเดือนมกราคม 2555 จากร้อยละ 2.66 (YoY) ในเดือนก่อนหน้า
สำหรับแนวโน้มเงินเฟ้อในปี 2555 นั้น จากทิศทางราคาสินค้าผู้บริโภคที่น่าจะไล่ระดับขึ้นในช่วงเวลาส่วนใหญ่ของปีนี้ ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังคงมองว่า แม้ทิศทางเงินเฟ้อของไทยอาจโน้มชะลอลงในช่วงครึ่งแรกของปี 2555 มาที่ร้อยละ 3.3 (YoY) เนื่องจากปัจจัยเรื่องฐานการคำนวณเปรียบเทียบ แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่า โมเมนตัมการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย และกระบวนการส่งผ่านแรงกดดันด้านต้นทุนของผู้ประกอบการ (โดยเฉพาะ ราคาพลังงาน และค่าจ้างแรงงาน) มายังราคาสินค้าผู้บริโภค อาจส่งผลทำให้แรงกดดันเงินเฟ้อสูงขึ้นอย่างชัดเจนอีกครั้งในช่วงครึ่งปีหลัง โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2555 อาจมีค่าสูงกว่าร้อยละ 4.0 ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงยังคงตัวเลขประมาณการไว้ที่ร้อยละ 3.9 (กรอบคาดการณ์ที่ร้อยละ 3.5-4.5) สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไป และร้อยละ 3.0 (กรอบคาดการณ์ที่ร้อยละ 2.6-3.6) สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ไว้เช่นเดิม
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น