เศรษฐกิจไทยในเดือนมกราคม 2555 ที่ไล่ระดับการฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนภาพในเชิงบวกว่า เศรษฐกิจกำลังเริ่มกลับมาบันทึกอัตราการขยายตัวอีกครั้งตามสภาพแวดล้อมที่มีการฟื้นฟู-ซ่อมแซมความสูญเสียจากผลกระทบของอุทกภัยของทั้งภาครัฐและเอกชน
-
เครื่องชี้การผลิตภาคอุตสาหกรรมสะท้อนภาพการฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่สองในเดือนมกราคม 2555 โดยการผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมหดตัวในอัตราที่น้อยลงมาที่ร้อยละ 15.2 จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) จากที่หดตัวร้อยละ 25.3 ในเดือนธันวาคม 2554 ซึ่งภาพด้านบวกของภาคการผลิตนี้ สอดคล้องกับช่วงเวลาการฟื้นฟูกิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทยในหลายภาคส่วนภายหลังจากน้ำท่วมลดระดับลง
-
เครื่องชี้การใช้จ่ายในประเทศ อาทิ การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ปริมาณการใช้ไฟฟ้า ยอดจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ และยอดจำหน่ายปูนซีเมนต์ ยังคงรักษาทิศทางการขยายตัวไว้ได้อย่างต่อเนื่องในเดือนมกราคม 2555 ซึ่งทำให้การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวอีกร้อยละ 2.6 (YoY) ขณะที่ การลงทุนภาคเอกชนหดตัวในอัตราที่ลดลงมาที่ร้อยละ 0.4 (YoY) อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมีข้อสังเกตว่า ความเชื่อมั่นภาคเอกชนที่มีความอ่อนไหวต่อระดับราคาน้ำมัน ต้นทุน-ราคาสินค้า และภาวะค่าครองชีพ อาจทำให้เครื่องชี้การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนบางรายการสะดุดลงในระยะข้างหน้า
ท่ามกลางภาพกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่จะเริ่มกลับมาดีขึ้นตามสภาพแวดล้อมการฟื้นฟู-ซ่อมแซมความสูญเสียจากภาวะน้ำท่วม ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า อัตราการเติบโตของจีดีพีประจำไตรมาสที่ 1/2555 จะอยู่ที่ร้อยละ 1.0-1.5 (YoY) ขณะที่ ฐานมูลค่าเศรษฐกิจปี 2554 ที่อยู่ในระดับต่ำ อาจช่วยหนุนให้ภาพรวมเศรษฐกิจทั้งปี 2555 ขยายตัวในกรอบประมาณร้อยละ 4.5-6.0 อย่างไรก็ดี แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงเวลาที่เหลือของปี ยังตั้งอยู่บนเงื่อนไขของหลายประเด็นเสี่ยงทั้งจากภายนอกประเทศ (แนวโน้มเศรษฐกิจ และราคาน้ำมันโลก) และภายในประเทศ (สถานการณ์การเมือง การเตรียมแผนบริหารจัดการน้ำ แรงกดดันต้นทุนการผลิต และค่าครองชีพ)
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น