ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2555 สภาผู้แทนราษฎรได้รับหลักการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 วงเงิน 2.4 ล้านล้านบาท ในวาระแรก พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณารายละเอียดและแปรญัตติ ในขณะเดียวกัน รัฐบาลยังมีแผนการลงทุนทั้งในส่วนที่อยู่ภายใต้กฎหมายพิเศษ หรือพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. 2555 วงเงิน 3.5 แสนล้านบาท และในส่วนที่เป็นแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในช่วงปี 2555-2559 เบื้องต้น 2.27 ล้านล้านบาท ภายใต้ยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ อีกด้วย
ทั้งนี้ แม้ว่ากระบวนการพิจารณาและอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณประจำปีงบประมาณ 2556 จะยังไม่สิ้นสุด อีกทั้งความคืบหน้าของแผนการลงทุนภายใต้ พ.ร.ก.กู้เงินเพื่อบริหารจัดการน้ำ และกรอบแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในช่วงปี 2555-2559 จะยังต้องรอติดตามรายละเอียดที่ชัดเจนในระยะต่อไป แต่หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน การใช้จ่ายของรัฐบาลที่อาจมีวงเงินรวมกันจากทั้ง 3 ส่วนข้างต้นกว่า 2.8 ล้านล้านบาทในปีงบประมาณ 2556 ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเห็นว่า ตัวแปรด้านการใช้จ่ายของรัฐบาลนี้ จะยังคงเป็นกลไกขับเคลื่อนที่สำคัญสำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2556 ต่อเนื่องจากปี 2555
อย่างไรก็ตาม ความต้องการเม็ดเงินจากภาครัฐ หากเป็นการกู้ยืมจากแหล่งเงินในประเทศ เมื่อประกอบกับความต้องการระดมเงินจากภาคเอกชน อาจส่งผลให้สภาพคล่องในระบบการเงินมีแนวโน้มตึงตัวขึ้น ซึ่งเพื่อบรรเทาผลกระทบในส่วนนี้ คงจะต้องอาศัยการจัดลำดับและวางแผนจัดหาแหล่งเงินเพื่อดำเนินโครงการของภาครัฐที่ไม่หนาแน่นในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง และไม่กระชั้นชิดจนเกินไป ประกอบกับการดูแลสภาพคล่องในภาพรวมโดยธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งยังพอมีเครื่องมือในการบริหารจัดการได้
นอกจากนี้ ความจำเป็นที่ภาครัฐจะต้องก่อหนี้เพื่อใช้จ่ายเงินภายใต้งบประมาณขาดดุลและกฎหมายพิเศษ คาดว่าจะทำให้ระดับหนี้สาธารณะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและมีสัดส่วนสูงกว่า 50% ของจีดีพีในปีงบประมาณ 2556 ซึ่งแม้จะยังนับว่าไม่สูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ และยังไม่ถึง 60% ตามกรอบความยั่งยืนทางการคลัง แต่ก็อาจจะเปิดประเด็นในด้านเสถียรภาพทางการคลังสำหรับในระยะกลางถึงยาวได้
งบประมาณ การใช้จ่ายภาครัฐ หนี้สาธารณะ government spending public debt
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น