อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยในเดือนพฤษภาคม 2555 รักษาระดับใกล้เคียงกับในเดือนก่อนหน้า ในอัตราร้อยละ 2.53 (YoY) จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศที่ปรับตัวลงตามราคาในตลาดโลก ช่วยบรรเทาแรงกดดันต่อต้นทุนการผลิต-การขนส่ง และช่วยชดเชยกับผลของต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้นหลังจากนโยบายการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนเมษายน 2555 ที่ผ่านมา ซึ่งก็ทำให้การส่งผ่านภาระต้นทุนของภาคธุรกิจมาที่ราคาสินค้าอุปโภค-บริโภคยังไม่เร่งตัวอย่างรวดเร็วนัก
ทิศทางเงินเฟ้อที่อาจเร่งตัวขึ้นไม่มากนักในช่วงหลายเดือนข้างหน้าจากปัจจัยดังกล่าวข้างต้น ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทย พิจารณาปรับลดประมาณการอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2555 ลงมาอยู่ที่ร้อยละ 3.5 ขณะที่ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอาจมีค่าเฉลี่ยที่ต่ำลงมาอยู่ที่ร้อยละ 2.6 เพื่อสะท้อนภาพแรงกดดันเงินเฟ้อที่ผ่อนคลายลงกว่าประมาณการเดิมในช่วงระหว่างไตรมาส 2/2555 ถึงต้นไตรมาส 3/2555
อย่างไรก็ดี ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า แนวโน้มเงินเฟ้อของไทยมีโอกาสจะกลับมาเร่งตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2555 โดยคาดว่า ค่าเฉลี่ยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีโอกาสเกินระดับร้อยละ 3.5-4.0 (YoY) ในช่วง 2 ไตรมาสสุดท้ายของปี 2555 โดยสาเหตุส่วนหนึ่งเป็นผลของฐานเปรียบเทียบ ประกอบกับเป็นช่วงเวลาที่มาตรการชะลอแรงกดดันเงินเฟ้อ-บรรเทาภาระค่าครองชีพทยอยหมดวาระลง และน่าจะทำให้ผู้ประกอบการที่เผชิญกับภาระต้นทุนคั่งค้างสะสม (อาทิ จากค่าจ้าง และวัตถุดิบ) ทยอยขอปรับราคาสินค้าหลังจากพ้นช่วงเวลากา
รขอความร่วมมือตรึงราคาสินค้าจากกระทรวงพาณิชย์
อย่างไรก็ดี ยังต้องจับตาแนวทางการดูแลราคาสินค้าของภาครัฐในเวลาหลังจากนั้น ซึ่งอาจขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมหลายปัจจัย โดยเฉพาะทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลก โดยหากสถานการณ์วิกฤตหนี้ยุโรปไม่พัฒนาไปถึงขั้นเลวร้ายรุนแรง ก็อาจทำให้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2555 ส่งผลทางจิตวิทยาหนุนราคาน้ำมันตลาดโลกได้ในบางช่วง ซึ่งก็อาจมีผลต่อเนื่องมายังราคาขายปลีกพลังงานในประเทศ และค่าไฟฟ้า Ft รอบสุดท้ายของปี ดังนั้น มาตรการดูแลราคาสินค้าของภาครัฐ ก็ยังคงเป็นตัวแปรสำคัญที่อาจช่วยบรรเทาแรงกดดันเงินเฟ้อในช่วงท้ายของปีดังกล่าวได้ในระดับหนึ่ง
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น