หลังจากที่สัญญาณลบของภาคการส่งออกและภาคการผลิตของไทยในเดือนมิถุนายน 2555 ออกมาสอดคล้องกับทิศทางที่อ่อนแอเกินคาดของข้อมูลเศรษฐกิจในต่างประเทศ โดยเฉพาะจีนและยูโรโซน และกระตุ้นให้เกิดความกังวลเพิ่มมากขึ้นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทย อย่างไรก็ดี ตัวเลขจีดีพีประจำไตรมาส 2/2555 ที่รายงานโดยสศช. ก็ออกมาดีกว่าที่คาด โดยเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2/2555 ขยายตัวร้อยละ 4.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) เร่งขึ้นจากที่ขยายตัวเพียงร้อยละ 0.4 (YoY) ในไตรมาส 1/2555 นำโดย การฟื้นตัวของการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและการขยายตัวของการใช้จ่ายภายในประเทศ ทั้งภาคเอกชนและรัฐบาล โดยเฉพาะในส่วนที่ได้รับอานิสงส์จากมาตรการภาครัฐ และการฟื้นตัวของกิจกรรมฟื้นฟูหลังน้ำท่วม
สำหรับในช่วงครึ่งหลังของปี 2555 นั้น แม้ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังคงคาดว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยอาจเพิ่มสูงขึ้นมาอยู่ที่กรอบร้อยละ 7.0-9.0 (YoY) เทียบกับที่ขยายตัวเพียงร้อยละ 2.2 (YoY) ในช่วงครึ่งปีแรก แต่ก็เป็นเพราะผลของการคำนวณเทียบกับฐานเศรษฐกิจที่ต่ำในช่วงปลายปี 2554 ซึ่งเป็นช่วงที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ดังนั้น การประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง อาจต้องพิจารณาความสามารถในการรักษาจังหวะการขยายตัวในแต่ละไตรมาสประกอบด้วย
ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า แม้แรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายของภาครัฐยังน่าจะดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงมีความเป็นไปได้ที่โมเมนตัมการขยายตัวของภาคการส่งออกของไทยในช่วงครึ่งปีหลัง อาจถูกทดสอบโดยปัจจัยเสี่ยงภายนอกประเทศ โดยเฉพาะตัวแปรวิกฤตหนี้ยุโรป ระดับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และความไม่แน่นอนของราคาน้ำมันในตลาดโลกในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่ บรรยากาศการใช้จ่ายของภาคเอกชน (ยกเว้นรายจ่ายบางส่วนที่ได้อานิสงส์จากมาตรการภาครัฐ) อาจลดทอนสัญญาณบวกลง หลังการเร่งตัวเพื่อฟื้นฟูความเสียหายน้ำท่วมเริ่มเบาบางลง สวนทางกับทิศทางต้นทุนการผลิตและเงินเฟ้อในประเทศที่เตรียมจะกลับมาปรับตัวสูงขึ้น
ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังคงกรอบคาดการณ์เศรษฐกิจในปี 2555 ไว้ที่ร้อยละ 4.5-5.5 โดยมีค่ากลางกรณีพื้นฐานที่ร้อยละ 5.0 ไว้ตามเดิม
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น