ภาวะเศรษฐกิจไทยในเดือนก.ค. 2555 สะท้อนภาพด้านบวกจากการบริโภค (+7.0% YoY ในเดือนก.ค. เพิ่มจาก +4.4% YoY ในเดือนมิ.ย.) และการลงทุนภาคเอกชน (+19.5% YoY ในเดือนก.ค. เพิ่มจาก +19.0% YoY ในเดือนมิ.ย.) ที่ขยายตัวต่อเนื่องจากแรงสนับสนุนของมาตรการรัฐบาล พร้อมๆ กับภาพด้านลบของจังหวะการฟื้นตัวที่หยุดนิ่งของการส่งออก (-3.9% YoY ในเดือนก.ค. ต่อเนื่องจาก -2.3% YoY ในเดือนมิ.ย.) และการผลิตภาคอุตสาหกรรม (-5.8% YoY ในเดือนก.ค. ต่อเนื่องจาก -9.6% YoY ในเดือนมิ.ย.)ท่ามกลางความเสี่ยงจากวิกฤตหนี้ยุโรปและการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งนอกจากจะเป็นประเทศที่เป็นแกนสำคัญของเศรษฐกิจโลกแล้ว ยังเป็นคู่ค้าที่มีความสำคัญอันดับหนึ่งของภาคการส่งออกของไทย
สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3/2555 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า โมเมนตัมของเศรษฐกิจไทยที่วัดจากจีดีพีที่ปรับฤดูกาลในช่วงไตรมาส 3/2555 อาจอยู่ในระดับที่ทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2555 ซึ่งเป็นภาพที่บ่งชี้ถึงจังหวะที่ค่อนข้างนิ่งของกิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทยในช่วงที่แรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายในประเทศเริ่มผ่อนคลายลง ประกอบกับทิศทางเศรษฐกิจโลกที่ยังคงภาพความซบเซาจากวิกฤตหนี้ยุโรปและการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนไว้ พร้อมกับการแพร่กระจายความเสี่ยงไปยังเศรษฐกิจในหลายภูมิภาค ทำให้สัญญาณที่ชัดเจนของของการกลับสู่เส้นทางการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกของไทย ต้องเลื่อนเวลาออกไปเป็นช่วงท้ายๆ ไตรมาสที่ 3/2555 แม้ว่าการพลิกฟื้นกำลังการผลิตในภาคโรงงานจากผลกระทบน้ำท่วมจะมีความคืบหน้าไปมากแล้วก็ตาม และเมื่อรวมเข้ากับปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ เช่น ระดับราคาพลังงานในประเทศบางประเภทที่เริ่มขยับขึ้น และฐานการคำนวณเปรียบเทียบที่ไล่ระดับสูงขึ้นในช่วงไตรมาส 3/2554 ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า อัตราการขยายตัวของจีดีพีในช่วงไตรมาสที่ 3/2555 อาจอยู่ในระดับที่ไม่เกินร้อยละ 4.0 (YoY) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งชะลอตัวลงเล็กน้อยจากร้อยละ 4.2 (YoY) ในไตรมาสที่ 2/2555 ที่ผ่านมา โดยไตรมาสที่ 3/2555 นี้ น่าจะเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญของเศรษฐกิจไทยและภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลกที่ต้องรับมือกับผลกระทบจากวิกฤตหนี้ยูโรโซนที่กระจายตัวและเพิ่มระดับความรุนแรงมากขึ้น
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น