เศรษฐกิจไทยในช่วงท้ายปี 2555 เร่งตัวขึ้น โดยมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ จีดีพี ขยายตัวร้อยละ 18.9 ในไตรมาส 4/2555 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) ซึ่งนับเป็นอัตราการขยายตัวรายไตรมาสที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2536 เป็นต้นมา และสูงขึ้นกว่าตัวเลขทบทวนใหม่ที่ขยายตัวร้อยละ 3.1 (YoY) ในไตรมาส 3/2555 ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจไทยทั้งปี 2555 ขยายตัวที่ร้อยละ 6.4 แข็งแกร่งกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ และเร่งขึ้นหลังจากที่ขยายตัวเพียงร้อยละ 0.1 ในปี 2554 ขณะที่ จีดีพีที่ปรับฤดูกาลในไตรมาส 4/2555 ขยายตัวร้อยละ 3.6 (QoQ, s.a.) แข็งแกร่งกว่าที่เติบโตร้อยละ 1.5 (QoQ, s.a.) ในไตรมาส 3/2555
ทั้งนี้ สัญญาณการขยายตัวสูงของกิจกรรมการทางเศรษฐกิจของไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2555 นอกจากจะเป็นผลมาจากฐานเปรียบเทียบที่ต่ำของไตรมาส 4/2554 จากผลของอุทกภัยแล้ว ยังเป็นผลมาจากโมเมนตัมที่เร่งตัวขึ้นในช่วงโค้งสุดท้ายของการใช้จ่ายภาคครัวเรือน และการเติบโตของผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและกิจกรรมในภาคก่อสร้าง ขณะที่ ส่วนเปลี่ยนในสินค้าคงเหลือ ก็เพิ่มสูงขึ้นตามการสต็อกทองคำ สินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าเกษตรบางประเภทด้วยเช่นกัน
สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2556 นั้น การเคลื่อนไหวของเงินบาทที่มีจังหวะการแข็งค่าที่ค่อนข้างรวดเร็วในช่วงต้นปี 2556 ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ทิศทางเงินบาทที่แข็งค่าดังกล่าว อาจมีผลชะลอเส้นทางการฟื้นตัวของการส่งออกของไทยในปี 2556 ให้ลดต่ำลงกว่าประมาณการเดิมผ่าน 2 ช่องทางสำคัญ ได้แก่ 1) การลดลงของรายรับจากมูลค่าการส่งออกในรูปเงินบาท และ 2) ผลกระทบต่อความสามารถทางการแข่งขัน และการตัดสินใจรับคำสั่งซื้อจากต่างประเทศของผู้ส่งออกบางกลุ่ม ด้วยเหตุนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงปรับลดคาดการณ์อัตราการเติบโตของการส่งออกสำหรับปี 2556 ลงมาที่กรอบร้อยละ 8.0-13.0 (ภายใต้สมมติฐานที่คาดว่า เงินบาทน่าจะชะลออัตราการแข็งค่าลงในช่วงเวลาที่เหลือของปี) ซึ่งทำให้กรอบประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2556 ชะลอลงมาที่ร้อยละ 4.3-5.3 จากกรอบคาดการณ์เดิมที่ร้อยละ 4.5-5.5
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น