เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยล่าสุดเดือนพ.ค. 2556 ตามรายงานของธปท. สะท้อนภาพการชะลอลงต่อเนื่องของกิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทยในหลายๆ ภาคส่วนเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยการลงทุนภาคเอกชนหดตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่สองที่ร้อยละ 3.3 (YoY) สอดคล้องกับการหดตัวมากกว่าที่คาดของการส่งออกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ร้อยละ 5.1 (YoY) และร้อยละ 7.8 (YoY) ตามลำดับ ขณะที่ การบริโภคภาคเอกชน พลิกกลับมาหดตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปีครึ่งที่ร้อยละ 0.2 (YoY)
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า สัญญาณที่อ่อนแอของทุกกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในภาคการส่งออกและการผลิตภาคอุตสาหกรรม และการชะลอตัวต่อเนื่องของการใช้จ่ายภาคเอกชนในช่วงระหว่างเม.ย.-พ.ค. 2556 อาจทำให้อัตราการขยายตัวของจีดีพีประจำไตรมาส 2/2556 ชะลอลงกว่าที่คาดไว้เดิมมาอยู่ในระดับต่ำกว่าร้อยละ 3.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (จากคาดการณ์เดิมที่ร้อยละ 4.3) เทียบกับที่ขยายตัวประมาณร้อยละ 5.3 ในช่วงไตรมาสที่ 1/2556 ที่ผ่านมา สำหรับในช่วงครึ่งหลังของปี 2556 นั้น แม้ว่าบรรยากาศเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2556 จะเป็นไปอย่างระมัดระวังท่ามกลายหลายปัจจัยกดดันทั้งในและต่างประเทศที่อาจมีผลทำให้หลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เป็นหัวจักรหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สูญเสียโมเมนตัมการเติบโตในช่วงครึ่งหลังของปี ขณะที่ โครงการลงทุนของภาครัฐที่อาจจะมีความล่าช้ากว่าสมมติฐานเดิมซึ่งทำให้แรงหนุนจากการลงทุนในส่วนนี้ต่อภาคเศรษฐกิจในปีนี้ลดทอนลงไปด้วย แต่กระนั้นศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า เศรษฐกิจไทยอาจรักษาระดับอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยที่ประมาณร้อยละ 4.0 ใกล้เคียงกับครึ่งแรกของปี โดยเครื่องชี้การใช้จ่ายภาคเอกชน บางรายการได้รับอานิสงส์จากปัจจัยเรื่องฐานเปรียบเทียบ ขณะที่ ภาครัฐก็อาจเร่งเบิกจ่ายเม็ดเงินในช่วงท้ายๆ ของปีงบประมาณ ซึ่งการขยายตัวในอัตราดังกล่าว อาจส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัวชะลอลงมาที่ร้อยละ 4.0 (จากคาดการณ์เดิมที่ร้อยละ 4.8) ในปี 2556
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น