เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยล่าสุดในเดือนก.ค. 2556 สะท้อนบรรยากาศที่ซบเซาในหลายภาคส่วน โดยการบริโภคภาคเอกชน (-0.7% YoY) การลงทุนภาคเอกชน (-5.4% YoY) การผลิตภาคอุตสาหกรรม (-4.5% YoY) ผลผลิตภาคเกษตร (-2.7% YoY) การส่งออก (-1.3% YoY) ล้วนหดตัวลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน นอกจากนี้ การฟื้นตัวที่ล่าช้าของภาคการส่งออก ยังส่งผลให้ไทยบันทึกยอดเกินดุลการค้าเพียง 257.5 ล้านดอลลาร์ฯ ในเดือนก.ค. ลดลงจากที่เกินดุล 587.6 ล้านดอลลาร์ฯ ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเมื่อรวมกับดุลบริการ รายได้และเงินโอนที่ขาดดุล 966.4 ล้านดอลลาร์ฯ ตามการส่งกลับกำไรและเงินปันผลไปต่างประเทศ ก็ทำให้ไทยยังคงบันทึกยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 อีก 708.9 ล้านดอลลาร์ฯ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังคงประเมินทิศทางเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังอย่างระมัดระวัง โดยคาดว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจอาจมีค่าเฉลี่ยตลอดครึ่งหลังของปี 2556 ที่ประมาณร้อยละ 4.0 เนื่องจากแม้เศรษฐกิจชั้นนำของโลก จะเริ่มทยอยมีภาพในเชิงบวก แต่ความไม่สงบในตะวันออกกลางที่ปะทุขึ้นมาใหม่ ก็ทำให้บรรยากาศที่เชื่อมโยงมาจากเศรษฐกิจโลก และการอ่อนค่าของเงินบาท ยังคงมีผลที่ค่อนข้างจำกัดที่จะหนุนการฟื้นตัวของภาคการส่งออก ขณะที่ สัญญาณระมัดระวังการใช้จ่ายของภาคเอกชนที่ลากยาวเข้าสู่ช่วงครึ่งปีหลัง ก็ทำให้บรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ อาจยังคงมีภาพที่ซบเซาอย่างต่อเนื่อง
ด้วยเหตุนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงยังคงตัวเลขประมาณการอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2556 ไว้ที่กรอบร้อยละ 3.8-4.3 โดยมีค่ากลางกรณีพื้นฐานที่ร้อยละ 4.0 ตามเดิม
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น